นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ระบุผ่านรายการ Wake Up News ทาง วอยซ์ทีวี ว่า พรรคพลังประชารัฐส่งผู้สมัคร ส.ส.กทม. 30 เขต แม้จะเป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ แต่พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคน้องใหม่ เมื่อเป็นพรรคใหม่จะทำงานเต็มที่ ผู้สมัครของพรรคต้องทำงานหนักมากกว่าเดิม
ส่วนแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐที่มีปัญหาเรื่องฝุ่นเกินค่ามาตรฐานจะมีผลต่อการดึงคะแนนเสียงในกทม.ได้หรือไม่นั้น นายสนธิรัตน์ ระบุว่า เรื่องฝุ่นเป็นเรื่องที่เป็นมาโดยตลอด แต่ปีนี้มีค่าสะสมสูงมากขึ้น ทั้งการไม่วางพื้นฐานที่ดีพอ พรรคพลังประชารัฐจะนำเรื่องนี้มาเป็นนโยบายแก้ปัญหาฝุ่นโดยมีมาตรฐานแก้ไขปัญหาระยะยาว และการเอาพรรคพลังประชารัฐไปโยงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย กลไกการบริหารและการจัดการจะเปลี่ยนไป พรรคมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ เหมาะสมในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านและเป็นตัวเลือกที่ดีในช่วงเปลี่ยนผ่าน
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคผสมผสานระหว่างประสบการณ์กับอนาคต ในพื้นที่ กทม. มีคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยเข้าสู่การเมือง และเป็นคนมีการศึกษามีความสำเร็จการทำงานมีความพร้อมตัดสินใจรับใช้ชาติบ้านเมือง ยืนยันพรรคพลังประชารัฐไม่ใช่พรรคเผด็จการหรือสืบทอดอำนาจ เพราะทุกพรรคเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยแข่งขันกันตามระบอบประชาธิปไตย และไม่เป็นธรรมที่จะบอกว่าพรรคใดเป็นพรรคเผด็จการหรือสืบทอดอำนาจ เพราะว่าคนที่เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย น้อมรับการตัดสินผลของมันคือประชาชน
ส่วนที่พรรคจะเสนอใครเป็นนายกฯ พรรคดูความเหมาะสมที่จะนำพาประเทศเปลี่ยนผ่าน มีความสามารถเด็ดเดี่ยว เพราะรอยต่อยังมีความสะสมความขัดแย้ง อีกทั้งเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งความขัดแย้งยังดำรงอยู่ คือที่มาของรัฐธรรมนูญที่มองเห็นปัญหานี้ ตั้งแต่แรกหากรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญแบบเดิมๆก็จะนำมาสู่ความแตกแยก พรรคมั่นใจว่าจะเป็นส่วนนำพาประเทศช่วงรอยต่อนี้ได้
เมื่อถามถึงกระแสแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐที่คนกรุงเทพฯไม่พอใจปัญหาฝุ่นและการพูดจะเป็นจุดได้เปรียบของพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคต กล่าวว่า วุฒิภาวะความเป็นผู้นำจะเป็นเรื่องที่คนกรุงเทพฯ ต้องตัดสินใจ คนที่ไม่มีวุฒิภาวะพออยู่ค่ายทหารมาทั้งชีวิต ไม่เคยเห็นหัวประชาชนย่อมไม่มีความเหมาะสมมาปกครองประเทศ
"ผมธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเป็นนายกฯ" นายธนาธร ระบุ
ขณะที่นายสนธิรัตน์ ตอบโต้กลับว่า ตนเห็นตรงข้ามกับนายธนาธร โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านงานสำคัญของบ้านเมืองมาตลอด ผ่านความเป็นความตาย ผ่านจุดล่มสลาย แล้วก็ใช้ความตั้งใจมาแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง ซึ่งประสบการณ์เหล่านั้นคนธรรมดาทำไม่ได้ บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่น ต้องอาศัยประสบการณ์ ต้องรู้อาศัยกลไกการบริหารราชการแผ่นดิน ตนเชื่อมั่นว่าบุคลิกของคนอย่ามองตรงเปลือก คนเรามีบุคลิกไม่เหมือนกัน คนหนึ่งอาจพูดเก่ง คนหนึ่งอาจพูดไม่เก่ง คนหนึ่งอาจจะหงุดหงิดง่าย แต่ต้องดูการกระทำและดูความตั้งใจ เชื่อมั่นว่าประชาชนจะแยกแยะระหว่างบุคลิกกับความจริงใจและความสามารถ
"พรรคพลังประชารัฐไม่ปรารถนาการโต้ ผมคิดว่าสังคมการเมืองมีแต่ความขัดแย้ง ผมว่าพรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคที่ดี อาสาตัวเองที่เสนอต่อประชาชน ที่มีคนรุ่นใหม่อาสาพรรคเป็นสิ่งที่ดี อยากเห็นพรรคอนาคตใหม่เป็นองค์ประกอบเติมเต็มให้กับสังคม" นายสนธิรัตน์ ระบุ