ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายกล่าวว่า การพิจารณาคดีในมลรัฐเดลาแวร์เป็นข่าวดีสำหรับทวิตเตอร์ ซึ่งบริษัทได้ร้องขอให้มีการดำเนินการพิจารณาคดีอย่างรวดเร็วเพื่อยุติข้อพิพาท ทั้งนี้ ผู้พิพากษาของศาลในมลรัฐเดลาแวร์กล่าวว่ามี “เมฆหมอกแห่งความไม่แน่นอน” อยู่เหนือชะตากรรมทวิตเตอร์และศาลยังได้ยอมรับว่าข้อโต้แย้งของบริษัทที่ว่าความล่าช้าในการพิจารณาคดีจะทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อธุรกิจ
“ความล่าช้าเป็นภัยต่อความเสียหายที่ไม่อาจแก้ไขได้” คาธารีน แม็กคอร์มิก อธิการหัวหน้าผู้พิพากษาศาลชั้นต้นคดีแพ่งของเดลาแวร์กล่าว “ยิ่งล่าช้ามากเท่าไหร่ ยิ่งเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น” แม็กคอร์มิกกล่าวเพิ่มเติมว่าศาลสามารถเร่ง “ดำเนินการในคดีฟ้องร้องที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว”
ท้ายที่สุดทวิตเตอร์กำลังมองหาคำตัดสิน ที่จะบังคับให้มัสก์ดำเนินการธุรกรรมที่ตกลงกันไว้ ด้วยการซื้อหุ้นทุกตัวของบริษัทในราคาที่ 54.20 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,990 บาท) ต่อหุ้น อย่างไรก็ดี มัสก์ได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงในเดือนนี้ โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับจำนวนบัญชีสแปมบนแพลตฟอร์มของทวิตเตอร์เอง
ตัวแทนทางกฎหมายของทวิตเตอร์ในการพิจารณาคดีนี้ กล่าวหาว่ามัสก์ "พยายามบ่อนทำลาย” ทวิตเตอร์ “เขากำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำลายทวิตเตอร์” วิลเลียม ซาวิทต์ ตัวแทนด้านกฎหมายของทวิตเตอร์กล่าว
เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา มัสก์กล่าวว่าตนได้ยกเลิกข้อตกลงด้วยเหตุผลกว้างๆ สามข้อ ด้วยการอ้างว่าทวิตเตอร์ละเมิดข้อตกลง โดยไม่ได้ให้ข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับบัญชีสแปมว่าได้บิดเบือนจำนวนบัญชีสแปมต่อหน่วยงานตรวจสอบด้านการเงินของสหรัฐฯ และละเมิดข้อตกลงในการไล่พนักงานอาวุโสออกโดยไม่ได้ปรึกษาหารือกับเขาเมื่อเร็วนี้ๆ
ในทางตรงกันข้ามกับฝั่งทวิตเตอร์ แอนดรูว์ รอสส์แมน ทนายความของมัสก์กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่มัสก์ พยายามสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจของทวิตเตอร์นั้น “ไร้สาระ”
“เขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรที่จะสร้างความเสียหายให้กับบริษัท” รอสส์แมนกล่าว พร้อมชี้ว่ามัสก์ซึ่งเป็นเจ้าของเทสลา เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของทวิตเตอร์ซึ่งถือหุ้นมากกว่า 9% หรือมากกว่าคณะกรรมการทั้งหมด
ซาวิทต์เน้นย้ำถึงความสำคัญในการเร่งพิจารณาคดีสำหรับทวิตเตอร์ เนื่องจากทุกการตัดสินใจทางธุรกิจมีความสำคัญ ซึ่งจะส่งผลต่อทุกอย่างตั้งแต่การรักษาพนักงาน ไปจนถึงความสัมพันธ์กับผู้ผลิตสินค้าและลูกค้า นอกจากนี้ เขายังชี้ให้เห็นว่าการจัดหาเงินกู้สนับสนุนข้อตกลงจะหมดอายุในวันที่ 25 เม.ย.ปีหน้า ซึ่งควรจะมีการเร่งให้มีการตัดสินคดีโดยเร็ว
รอสส์แมนกล่าวว่า เงินกู้สนับสนุนข้อตกลงที่จะหมดอายุ ควรจะได้รับการขยายเวลามากขึ้น เพราะเป็น "ข้อตกลงส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์" ที่เกี่ยวข้องกับ "บริษัทที่มีข้อมูลจำนวนมาก ที่ต้องวิเคราะห์การกระทำหลายพันล้านครั้งบนแพลตฟอร์มของพวกเขา” ทั้งนี้ กระบวนการทางกฎหมายที่เร็วขึ้น จะทำให้มัสก์มีเวลาน้อยลงในการรวบรวมข้อมูลสนับสนุนข้อโต้แย้งของเขาว่า ทวิตเตอร์ได้ประเมินจำนวนบัญชีสแปมต่ำเกินไป
แม็กคอร์มิกขอให้ทุกฝ่ายจัดทำตารางการพิจารณาคดีในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งเธอบอกว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาคดีทั้งสิ้น 5 วัน
ผู้สังเกตการณ์ทางกฎหมายกล่าวว่า การพิจารณาคดีเป็นการกระตุ้นธุรกิจให้กับทางทวิตเตอร์ ซึ่งเรียกร้องให้มัสก์ต้องทำข้อตกลงทางกฎหมายในเดือน เม.ย.เพื่อซื้อธุรกิจ “นี่เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับทวิตเตอร์” โรเบิร์ต เฟรนช์แมน หุ้นส่วนของสำนักงานกฎหมายมูคาซีย์ เฟรนช์แมนกล่าว
“สิ่งสุดท้ายที่ทวิตเตอร์ต้องการ คือการต่อสู้ที่ยืดเยื้อเกี่ยวกับการนับจำนวน และการจัดการตอบรับกับสแปมบอท ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องโดยตรงว่า ทวิตเตอร์ละเมิดข้อตกลงซื้อขายหุ้นหรือไม่”
ไบรอัน ควินน์ ศาสตราจารย์จากโรงเรียนกฎหมายวิทยาลัยบอสตัน ให้ความเห็นเกี่ยวกับการพิจารณาคดีดังกล่าวว่า คำตัดสินดังกล่าวเป็นชัยชนะของทวิตเตอร์ ที่ได้ยื่นขอการพิจารณาคดีในเดือน ก.ย.ที่ดลาแวร์ ซึ่งเป็นมลรัฐของสหรัฐฯ ที่เป็นฐานที่ตั้งของบริษัท
“นั่นเป็นชัยชนะสำหรับทวิตเตอร์ ศาลอนุญาติให้มีการเร่งการพิจารณา แต่ไม่ตรงกำหนดการที่ดุเดือดของทวิตเตอร์อย่างแน่นอน แต่ก็ใกล้เคียงกันมาก เดือน ต.ค.สำหรับการพิจารณาคดีไม่ได้ไกลจากนี้มากนัก และทนายความจะต้องเตรียมการสำหรับการพิจารณาคดีอีกมาก” ควินน์กล่าว
ข้อโต้แย้งของทวิตเตอร์ในการปิดข้อตกลงซื้อกิจการโดยมัสก์ ถูกสรุปไว้ในสำนวนคดี 62 หน้าซึ่งมีการชี้ว่ามัสก์ไม่มีหลักฐานว่าบัญชีสแปมมีมากกว่า 5% ของฐานผู้ใช้รายวัน ซึ่งร่วมอยู่กับสำนวนที่ระบุถึงคำขอของมัสก์ เกี่ยวกับเรื่องข้อมูลด้านปัญหาสแปม และการไล่พนักงานออกเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของทวิตเตอร์
คาร์ล โทเบียส์ ประธานฝ่ายกฎหมายของมหาวิทยาลัยริชมอนด์กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถตัดสินใจที่จะไกลเกลี่ยคดีกันได้ “เพราะในกรณีนี้จะใช้เวลาและพลังงานมาก ทำให้ทวิตเตอร์และมัสก์หันเหความสนใจจากการดำเนินธุรกิจอย่างราบรื่นของพวกเขา” โทเบียส์กล่าวเสริมอีกว่า การพิจารณาคดีอาจทำให้ทั้งสองฝ่ายเสื่อมเสียชื่อเสียง “มันยังอาจทำลายชื่อเสียงของคู่สัญญาและทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทลดลง”
ปัจจุบันนี้ หุ้นของทวิตเตอร์ปรับมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 2.8% เป็น 39.48 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,450 บาท) ในช่วงบ่ายวันอังคารที่ผ่านมา
ที่มา: