6 รัฐมนตรี ซุ่มทำการบ้าน-เก็งข้อสอบ ตั้งวอร์รูมทั้งในทำเนียบรัฐบาล ในสภา-นอกสภาฯ และจัดทีมองครักษ์พิทักษ์-สู้ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
แม้ 6 เป้าของฝ่ายค้านจะเจาะจงไปที่ตัวรัฐมนตรี แต่ทุกเป้าคือ จิ๊กซอที่จะถูกโยงไปที่ “พี่น้อง 3 ป.” ที่พล.อ.ประยุทธ์ เอ่ยปากต่างกรรม-ต่างวาระ ปกป้องพี่-น้อง บูรพาพยัคฆ์
“นี่ 3 ป. มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ไม่มี 3 ป. จะทำอะไรได้ล่ะ สองคนนี้คือลูกพี่ฉัน สอนฉันให้เป็นคนดี สอนฉันให้ทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง จะทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง ถ้าไม่มีพี่ทั้งสองคน พี่ป๊อก และพี่ป้อม ฉันก็มีวันนี้ไม่ได้”
“พล.อ.ประยุทธ์” เตรียมข้อมูลรับมือซักฟอก ทั้งปมที่ดินพ่อ ย่านบางบอน ที่โยงไปถึงการต่อสัญญาสัมปทานให้ “เจ้าสัวเจริญ” เช่าศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ 50 ปี
“ข้อกล่าวหาฝ่ายค้าน เตรียมแจกโน่น แจกนี่ ก็เป็นเพียงคำกล่าวหา ผมไม่ตอบ ไม่มีประโยชน์”
“ทุกคนก็ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของสภาอยู่แล้ว ให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่วาทะกรรม ให้ร้าย ซึ่งหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณากันภายหลังต่อไปอีกครั้งหนึ่งว่ามีการให้ร้ายกันหรือเปล่า ในสภาก็ว่ากันไป ในสภาก็ว่ากันต่อไปภายหลัง”
“ทุกคนพร้อมชี้แจง ได้สั่งการรัฐมนตรีในครม.ให้ไปช่วยกันชี้แจง เป็นเรื่องของคำถาม คำอภิปราย เสร็จแล้วก็ไม่ได้ฟังคำตอบก็ออกไปแล้ว คนถาม คนพูดก็ออกไป คนที่อธิบายก็อธิบายไป แต่ข้อสำคัญ คือ ประชาชนรับฟังที่บ้านด้วย ด้วยอะไรล่ะ ตั้งสติให้ดีแล้วกัน อะไรใช่ อะไรไม่ใช่ อะไรจริง อะไรเท็จ รัฐบาลก็ทำอย่างเต็มที่แล้วทุกเรื่อง”
“วันนี้เราต้องเข้าใจว่า เราเข้าสู่ประชาธิปไตยเต็มรูปแบบแล้ว เราเป็นประเทศที่มีการเลือกตั้ง ต่างประเทศก็ยอมรับปรับระดับความเป็นประชาธิปไตยขึ้นมา 38 อันดับ จะมาบอกว่าผมไม่ได้รับการยอมรับได้อย่างไร”
“เตรียมการ (ข้อมูล) มาโดยตลอด อธิบายในข้อเท็จจริง ผมไม่สามารถพูดอะไรที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงได้ และอยู่ในกระบวนการของกฎหมาย เพราะรัฐบาลทำงานด้วยกฎหมาย ด้วยกฎระเบียบ”
“ผมก็พร้อมที่จะชี้แจง ก็มีการเตรียมการอยู่ แต่จะให้สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ เพราะผมไม่รู้ว่าเขาจะเล่นงานอะไรผมบ้าง เขาไม่ได้บอกผมนี่ ก็อาศัยเจตนาอันบริสุทธิ์ของผมในการทำงาน ชี้แจงในข้อเท็จจริง อธิบายอย่างอื่นคงไม่ได้”
“ผมไม่ได้บอกว่าไม่มีปัญหาเรื่องการทำงานนะ แต่เพิ่งทำงานมาแค่ 5 เดือนเอง 5 เดือนนะ รัฐบาลนี้ 5 เดือนนะ จำไว้นะ รัฐบาลที่แล้วก็รัฐบาลที่แล้วซิ เพราะฉะนั้นการอภิปรายครั้งนี้ เป็นการอภิปรายคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีชุดนี้”
“รัฐบาลที่แล้ว ๆ มาที่ทำไว้ดี ๆ ผมก็ทำต่อ ผมไม่เคยไปว่าอะไรเข้า เว้นแต่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามกฎหมาย กลไกลยุติธรรมก็ว่ากันไป ไม่เกี่ยวอะไรกับผม อย่าเอาความไม่ชอบส่วนตัวมาเกี่ยวกับประเทศชาติ”
“ผมไม่ได้วิตกอะไร ก็ชี้แจงไป ก็สุดแล้วแต่วัตถุประสงค์ว่าทำไปเพราะอะไร ถ้าตอบได้ก็ตอบ ก็ฟังกันบ้างคำตอบ อย่าถามอย่างเดียว แล้วไม่ฟังคำตอบ ก็ขอให้ประชาชนฟังคำตอบด้วย”
ด้าน “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แม้จะแบไต๋มาแล้วว่า “ไม่ขอตอบเรื่องส่วนตัว” เพราะเรื่อง “ในที่ลับ” ของพล.อ.ประวิตร ที่ไม่เคยออกมาเปิดเผย “ในที่แจ้ง” ซึ่งในโต๊ะชา-ร้านกาแฟจะซุบซิบกันให้แซ่ด
คือ ความสัมพันธ์เชิงลึก-ลับ กับ “บริษัทรับจ้างโฆษณา-ผลิตรายการ” เป็นคู่สัญญาให้กับ “ทีวีกองทัพ” รวมถึงหน่วยงานของรัฐ-รัฐวิสาหกิจหลายแห่ง อาทิ โฆษณาประชาสัมพันธ์ธนาคารอาคารสงเคราะห์โดยวิธีพิเศษ
“ไม่ได้เตรียมข้อมูล ไม่ต้องเก็งข้อสอบ ถามมาก็ตอบไป ตอบตามความเป็นจริง แต่เรื่องส่วนตัวไม่ตอบ ไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์ เพราะ ส.ส.รู้หน้าที่ของตัวเองดี”
ขณะที่พี่รอง-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 2 รัฐบาล ตั้งแต่รัฐบาล - คสช. จัดแถว-วางเครือข่ายไว้ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไว้แน่นหนา
โดยเตรียมพร้อมชี้แจงทุกประเด็น โดยเฉพาะกรณีเตรียมขยายระยะเวลาสัมปทาน BTS ให้บริษัท BTSC ระยะเวลา 40 ปี การจัดซื้อจัดจ้างโครงการโรงไฟฟ้ากำจัดขยะ และการเบิกจ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
“เป็นเรื่องดีนะ เมื่อฝ่ายค้านเป็นผู้ตรวจสอบ ถ่วงดุลการใช้อำนาจรัฐ คือ รัฐบาล ก็ใช้พื้นที่ในสภาดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอภิปรายการทำงาน ตั้งข้อสงสัย หรือ เสนอแนะ ทำในสภาก็ดี”
“ผมคิดว่าทุก ๆ คนที่มาทำงานก็ต้องพร้อม ไม่ใช่เตรียมมาตอบคำถาม แต่หมายความว่า ตนทำอะไรไปก็ต้องทำไปตามหน้าที่ ตามกฎหมาย ตามคุณธรรมที่ต้องทำ เมื่อฝ่ายตรวจสอบ ถ่วงดุลอยากทราบ รู้อะไรมาแล้วอยากจะทราบ มาอภิปรายกัน เราก็มีหน้าที่ต้องตอบให้เข้าใจ”
“มีเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องจัดห้องไว้ให้ที่รัฐสภาแล้วที่จะเตรียมข้อมูล มีทุกกระทรวง ทบวง กรม ไป เพื่อเตรียมข้อมูล เพราะการตอบไม่แน่นอนว่าเขาจะถามเรื่องอะไร”
“ประเด็นของเรื่องคงไม่เป็นไปหา แต่รายละเอียดคงต้องมีการช่วยเตรียมการให้ แต่คงไปนั่งอ่านไม่ทัน ไปนั่งรอก็ไม่ทัน ต้องรู้บ้าง”
“เตรียมชี้แจงทุกเรื่องที่เราได้ทำไป ที่เขาอยากรู้ อยากทราบ ตั้งข้อสงสัยอะไร เราก็ชี้แจงตอบไป ทำอะไรไป ไม่ว่าอะไรก็ต้องชี้แจงให้ได้ ต้องเตรียมพร้อม”
ส่วน “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี-บิดาแห่งข้อยกเว้น มือกฎหมายของรัฐบาล แม้จะเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลทักษิณ แต่เป็นรัฐมนตรีอีกคนที่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่จะถูกอภิปราย
เจ้าของฉายา “เนติบริกร” ไม่หนักใจ-ถามมาก็ตอบไป โดยยึดหลัก 4 ประการ 1.ต้องใช้ความรู้ 2.ใช้ความสุจริต 3.ใช้ปัญญา และ 4.ใช้สติ พร้อมยกพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 5 ขึ้นแสดงโวหาร
“ความรู้ คู่เปรียบด้วย กำลัง กายเฮย สุจริต คือเกราะบัง ศาสตร์พ้อง ปัญญา ประดุจดัง อาวุธ คุมสติ ต่างโล่ป้อง อาจแกล้ว กลางสนาม”
ขณะที่ “ดอน ปรมัตถ์วินัย” รมว.ต่างประเทศ ที่จะถูกฝ่ายค้านซักปมระงับข้อพิพาทกับ “บริษัท ฟิลิป มอริส” เช่นเดียวกับนายวิษณุ นอกจากนี้ยังถูกตั้งคำถาม “ชักศึกเข้าบ้าน” กรณีให้สัมภาษณ์กรณีเชิงทางการสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณให้รู้ก่อนล่วงหน้าว่าจะโจมตี “นายพลเปอร์เซีย” นายทหารระดับสูงของอีหร่าน
“ไม่กังวล เป็นเรื่องการเมือง ในแง่ของเนื้อหาถูกต้อง เป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย มีการแก้ไขพ.ร.บ.ศุลกากร เมื่อปี 60 ขณะที่มูลค่าภาษีที่ควรจะเก็บได้หมื่นกว่าล้านบาทเป็นพ.ร.บ.ศุลกากรเดิม เมื่อ 94 ปีที่แล้ว และไม่ใช่เป็นเรื่องของกระทรวงต่างประเทศที่จะไปกดดัน เพราะทำไม่ได้ เราเป็นส่วนเล็ก ๆ ในคณะทำงาน”
สำหรับรัฐมนตรีที่เก็งกันว่า “คะแนนไว้วางใจน้อยที่สุด” คือ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ “เป้าใหญ่” ในสงครามน้ำลาย-ศึกซักฟอกครั้งนี้
“ผู้กองธรรมนัส” ซุ่มเตรียมข้อมูลชี้แจงในสภา “วิบากกรรมเก่า” กรณีเข้าไปพัวพันกับคดียาเสพติดในศาลออสเตรเลีย ที่เขายืนยันว่าเป็น “คดีลหุโทษ” และ ถูกจำคุกเพียง 8 เดือนเท่านั้น รวมถึง “วุฒิการศึกษาปลอม” ปริญญาเอก California University
ล่าสุดกรณี “โยนหินถามทาง” ของบกลาง 18,000 ล้านบาท เพื่อผลิต “หมอนยางพารา” 30 ล้านใบ
นอกจากนี้ยังตั้งวอร์รูมเตรียมทั้งข้อมูล-กฎหมายเพื่อฟ้องกลับฝ่ายค้านหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดพะเยา-บ้านเกิด
คู่ขนานกับ “ทีมองครักษ์” ในสภา-นอกสภาของพรรคพลังประชารัฐ ทีมในสภา-ทีม อ.ส.ว. เป็นองค์รักษ์พิทักษ์ 3 ป. 3 ทีม ประกอบด้วย ทีม อ.- อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท เป็น “หัวหน้าทีม”
ทีม ส. - สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี เป็นหัวหน้าทีม คอยประสาน “พรรคเล็ก” 11 เสียง ให้อยู่ครบ-ไม่แตกแถว และทีม ว. - วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นหัวหน้าประสาน “พรรคร่วมรัฐบาล”
นอกจากนี้ยังมีหน้าที่เสิร์ฟ-ป้อนข้อมูลให้ “พล.อ.ประวิตร” โดยเฉพาะด้วย
ขณะที่ องครักษ์นอกสภา จัดเต็ม 6 ทีม รวมดารา-ดาวยั่ว (นอกสภา) และ ส.ส.ต. (ส.ส.สอบตก) โดยมี “จำลอง ครุฑขุนทด” เป็นประธานคณะทำงาน และ “แรมโบ้อีสาน” นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เป็นเลขา
นายวัชระ กรรณิการ์ เป็นทีมโฆษก นายทศพล เพ็งส้ม เป็นทีมกฎหมาย นายรณฤทธิชัย คานเขต เป็นหัวหน้าทีมประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
โดยมี “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พลังงงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็น “คอนดัคเตอร์”
นอกจากนี้ยังแบ่งเป็น “หัวหน้าชุด” เป็น “กองหนุน” 6 รัฐมนตรีโดยเฉพาะ ซึ่งทั้งหมดเป็น “ข้าราชการการเมือง” ใน “ครม.ประยุทธ์2/1”
“ทีมบิ๊กตู่” ประกอบด้วย นายจำลอง เป็นหัวหน้าทีม นายสุภรณ์ นายทวี สุระบาล นายฉลอง เรี่ยวแรง นายรณฤทธิชัย และนายเอกภาพ พลซื่อ
“ทีมบิ๊กป้อม” ประกอบด้วย นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล เป็นหัวหน้าทีม นายเวียง วรเชษฐ์ นายภิรมย์ พลวิเศษ และนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช
“ทีมเนติบริกร” ประกอบด้วย นพ.วิชัย ชัยจิตวานิชกุล ป็นหัวหน้าทีม นายวัชระ กรรณิการ์ นายสรชาติ สุวรรณพรหม และนายพิกิฏ ศรีชนะ
“ทีมบิ๊กป๊อก” ประกอบด้วย นายอำนวย คลังผา เป็นหัวหน้าทีม นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ นายธีระทัศน์ เตียวเจริญโสภา และนายสุทธิชัย จรูญเนตร
“ทีมดอน” ประกอบด้วย นายธีระยุทธ วานิชชัง เป็นหัวหน้าทีม นายทศพล เพ็งส้ม นายภาคิน สมมิตรธนกุล และนายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ
“ทีมผู้กองธรรมนัส” ประกอบด้วย นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ เป็นหัวหน้าทีม นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ นายธงชัย ลืออดุลย์ นายสมเกียรติ ศรลัมพ์
โดยระหว่างวันที่ 22-23 กุมภาพันธ์ พรรคพลังประชารัฐจะจัดสัมมนาเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์นี้ ในหัวข้อ “ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล” ที่ ร.ร.เดอะซายน์ จอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี โดยมี พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน
กำหนดการสัมมนา จะมีการชี้แจงประเด็นและซักซ้อมข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจของรัฐมนตรีแต่ละคน นอกจากนี้ ยังมีการซ้อมคิวระหว่างวิปรัฐบาล กับบรรดาองครักษ์ที่ตั้งไว้พิทักษ์นายกฯ และ 5 รัฐมนตรี ที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ