สายันณ์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายทั่วโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ระหว่างวันที่ 15-16 ก.พ.นี้ จะมีการตั้งองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หรือไม่ ว่า ครั้งนี้เป็นการอภิปรายเพื่อชี้แนะรัฐบาลในการบริหารงานประเทศ ซึ่งจะชี้แนะได้อย่างไร เพราะเหลือเวลาแค่เดือนเดียว ชี้แนะมา 4 ปีแล้วยังไม่พอ น่าจะเป็นการหลอกด่านายกฯ และตีหัวเข้าบ้านมากกว่า จึงขอให้ประชาชนจับตาดูให้ดี ถ้าฝ่ายค้านอภิปรายนอกประเด็นหรือวกไปวนมา เสียดสี ตนก็มีหน้าที่ใช้ข้อบังคับบอกฝ่ายค้านว่ามันไม่ถูกต้อง ซึ่งคิดว่ามันเป็นเรื่องเดิมๆแล้วเอามาพูดใหม่ ไม่ต้องมีองครักษ์เพราะนายกฯตอบได้อยู่แล้ว

ทั้งนี้ ตนยังอยู่พรรคพลังประชารัฐ กระแสที่ตนจะย้ายไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังเป็นแค่กระแสข่าว ตอนนี้ตามกฎหมายยังอยู่พรรคพลังประชารัฐ แต่ถ้ายุบสภาวันไหน ก็ยินดีพร้อมไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งสภาจะหมดวาระในวันที่ 28 กุมภาพันธุ์ ตนคิดมาแล้วว่ารัฐบาลจะครบ 4 ปีนั้น เกิดขึ้นได้ยาก ตนจึงอยากทำหน้าที่จนถึงนาทีสุดท้าย ฟังพระราชโองการปิดสภาก็ถือว่าหมดหน้าที่ 4 ปี ที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน และวันนี้ตนเข้ามาทำเนียบก็มากินข้าวเที่ยง ไม่ได้มาพูดคุยกับใครเป็นพิเศษ ซึ่งทำเนียบรัฐบาลประชาชนก็เข้าได้ 

เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ของนายรัฐมนตรี ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันที่ 20 ก.พ.นี้ สายันณ์ กล่าวว่า เป็นกำหนดการที่วางไว้นานแล้ว เพราะตอนแรกตนชวนให้นายกฯไปประชุมครม.สัญจร จะได้ดำเนินการโครงการใหญ่ๆที่คั่งค้างอยู่ แต่นายกฯคงห่วงเรื่องข้อกฎหมาย จึงปรับเป็นลงพื้นที่ตรวจราชการ ซึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราชได้อนุมัติโครงการไปมากมาย โดยเฉพาะสนามบินนานาชาตินครศรีธรรมราช และโครงการสะพานข้ามเกาะสมุย - ขนอมที่กำลังจะดำเนินการแล้วเสร็จ ซึ่งตนเป็นผู้จุดประเด็นแล้วติดตาม