วันที่ 31 พ.ค. หลังคณะผู้บริหารพรรคก้าวไกล ได้ประชุมหารือกับผู้แทนสภาหอการค้าไทย และหอการค้าไทย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ สนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุม
โดย พิธา เผยว่า ได้หารือกันใน 13 ประเด็น ตั้งแต่เรื่องของการทุจริต ระเบียงเศรษฐกิจ (EEC) การบริหารเศรษฐกิจ BCG และเศรษฐกิจชายแดน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของพรรคก้าวไกลที่ผ่านมา พร้อมทั้งเผยความคืบหน้าของการจัดตั้งรัฐบาล และหน้าที่ของคณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยครั้งหน้า จะมีคณะทำงานเกี่ยวกับเศรษฐกิจและ SME กลับมาพูดคุยกันอีก ในหลายประเด็น ครั้งนี้กระชั้นชิด จึงมีเพียงพรรคก้าวไกลพรรคเดียว
สำหรับความเร็วในการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นอยู่กับการทำงานของ กกต. ว่าจะรับรอง ส.ส.ได้เมื่อใด แล้วเมื่อนับหนึ่งได้แล้ว ก็จะมีกรอบเวลาที่ชัดเจน ในการเปิดประชุมสภาฯ และโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ส่วนการบริหารงบประมาณแผ่นดินปี 2567 พิธา ระบุว่า ต้องคำนึงถึงเวลาและความคุ้มค่า งบประมาณ 250,000 ล้านบาท จะต้องรื้องบประมาณหรือไม่นั้น กรณีนี้จะมอบหมายให้คณะทำงานด้านเศรษฐกิจหารือ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าจะตัดสินใจอย่างไร
จึงจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านฯ ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อทำงานต่อไปได้ทันทีหลังจัดตั้งรัฐบาลแล้ว การผ่าให้เป็นงบประมาณแบบฐานศูนย์ มองว่า บางส่วนสามารถทำได้เลยในปีงบประมาณ 2567 โดยเฉพาะในมูลค่า 250,000 ล้านบาทที่มีอยู่ เพราะยังมีงบบางส่วนที่ไม่สามารถแตะต้องได้ แล้วจึงสร้างระบบที่ชัดเจนในการผ่างบประมาณปีต่อๆ ไป
เมื่อสอบถามแนวนโยบายปรับขึ้นค่าแรง 450 บาทภายใน 100 วันแรกหลังได้เป็นรัฐบาล พิธา เผยว่า ได้ชี้แจงให้สภาหอการค้าไทย ให้มองภาพครบทุกมิติ ทั้งเรื่องของอัตราค่าเงินเฟ้อ และผลิตภาพของแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าแรง 450 บาทมีความเหมาะสม ไม่ได้ประสงค์จะขึ้นค่าแรงอย่างเดียว แต่คิดว่าจะทำให้แรงงานสามารถพัฒนาทักษะและดำรงชีวิตต่อไปได้ด้วย
ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนในอัตราการขึ้นค่าแรงหรือระยะเวลา 100 วันหรือไม่ เน้นย้ำว่าต้องพูดคุยให้ครบทั้งไตรภาคี นอกจากนี้ยังมองว่าค่าแรงที่จะเพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้เชื่อมโยงกับราคาสินค้าที่จะแพงขึ้นเสมอไป มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ โดยจะพยายามทำให้อยู่ในกรอบเวลา 100 วันแรก
ด้าน สนั่น เผยว่า เป็นการพบปะที่สร้างสรรค์ มีความสบายใจเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน พรรคก้าวไกลต้องทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งต้องประชุมกัน และได้มอบหมายบุคคลติดต่อประสานงานหลัก คือ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายนโยบาย
สนั่น มองเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ว่าความเห็นของทั้งสองฝ่าย ไม่ได้แตกต่างกันมาก ทางหอการค้าเองเห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่ต้องมาจับเข่าคุยกันในเรื่องของจังหวะเวลา และอัตราการปรับขึ้น ในเรื่องนี้หากเราสื่อสารกับสาธารณะไม่เข้าใจ ก็จะเกิดการโต้แย้ง สำคัญสุดคือต้องลงรายละเอียดในเชิงลึก เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหว เชื่อว่าทางพรรคก้าวไกลได้ฟังเสียงจากประชาชน เป็นเรื่องดีที่มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อจะได้หารือ ให้เกิดทางออกที่เหมาะสม
อีกประเด็นคือเราต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเร็วที่สุด โดยคาดว่าประมาณภายในเดือน ก.ย. จะแล้วเสร็จ สนั่น ยังเผยว่า ไม่มีความกังวลเป็นพิเศษ เสียงประชาชนสะท้อนชัดอยู่แล้วผ่านการเลือกตั้ง พรรคการเมืองล้วนสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลซึ่งมีคะแนนเสียงมากที่สุดจัดตั้งรัฐบาล แต่ภาคเอกชนต้องการรับฟังความเห็นจากว่าที่รัฐบาล
ซึ่งจากการหารือกัน โดยพบว่ามีแนวทางเดียวกับหอการค้าไทยคือ การเชื่อมต่อจุด (Connect The Dots) เพื่อให้ทุกฝ่ายมีความพอใจ หากรัฐบาลมีเสถียรภาพก็จะสร้างความสบายใจให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศหากจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ย่อมเกิดความเสียหายและส่งผลต่อความเชื่อมั่นของทั้งไทยและต่างประเทศแน่นอน เราทุกคนต้องตั้งความหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติ
เมื่อถามว่าจากประสบการณ์ของหอการค้าไทย เชื่อมั่นในศักยภาพของพรรคก้าวไกลที่จะทำงานได้ตามที่หาเสียงไว้หรือไม่ สนั่น ตอบว่า แนวทางด้านเศรษฐกิจและการแก้ปัญหา สอดคล้องกับนโยบายของหอการค้าที่มีอยู่ ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาต่างๆ มองว่าตรงกันหมด และมาถูกทาง