วันที่ 13 ก.ค. ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) วาระโหวตเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติ ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 แห่งรัฐธรรมนูญ โดยมีผู้รับรองถูกต้องครบถ้วน
โดยมีสมาชิกแสดงตนทั้งหมด 302 คน ซึ่งเป็นการรับรองชื่อของแคนดิเดตนายกฯ ที่มีการเสนอมา และไม่มีผู้เสนอชื่ออื่น เป็นอันว่ามีผู้เสนอชื่อ พิธา เพียงท่านเดียว
จากนั้นเป็นช่วงการอภิปราย ชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายเป็นอันดับแรก ในนามของพรรคภูมิใจไทย และได้ย้ำจุดยืนของพรรคที่ไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองที่มีจุดยืนแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และหากพรรคก้าวไกลร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ พรรคภูมิใจไทยพร้อมเป็นฝ่ายค้าน และขอทราบว่าจุดยืนของพรรคร่วมรัฐบาลอีก 7 พรรคเป็นอย่างไร
“หัวหน้าพรรคการเมือง 7 พรรค ได้แถลงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 จึงไม่มีวาระดังกล่าวในบันทึกความเข้าใจร่วมกันหรือ MOU และได้ระบุว่าการดำเนินการใดๆ จะต้องไม่กระทบกับรูปแบบการปกครองของรัฐ แต่ พิธา เป็นคนเดียวที่ยืนยันจะแก้ไขมาตรา 112 โดยจะให้สมาชิกพรรคเป็นผู้เสนอเอง และแถลงต่อสื่อทั้งไทยและต่างประเทศ และอ้างว่าทำเพื่อเจตนาที่ดีเพื่อรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่เชื่อ แต่อยากทราบว่าอีก 7 พรรคร่วมจะว่าอย่างไร”
ชาดา ย้ำว่า การที่ พิธา อ้าง 14 ล้านเสียง แต่ตนเชื่อว่าจำนวนประชาชนไม่ได้เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 ทั้งหมด และที่สำคัญคือ พิธา ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่นายกฯ เพียงของพรรคใดพรรคหนึ่ง อย่าหลงระเริงกับ 14 ล้านเสียง เพราะเป็นเพียง 20% ของทั้งหมด พร้อมย้ำว่า เจตนาของพรรคก้าวไกลไม่ใช่เพียงการแก้ไข แต่คือการยกเลิกมาตรา 112
“มีคำพูดต่อผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกลว่า ถ้า พิธา เป็นนายกฯ จะให้ไปลงสัตยาบันในกฎหมายกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่ให้สามารถฟ้องประมุขของรัฐได้ อันนี้รับไม่ได้จริงๆ ทั้งที่ท่านเป็นนายกฯ ไปลงนาม หมายความว่าให้คนนอกประเทศไปฟ้องพระมหากษัตริย์ได้ ผมคงทำใจไม่ได้ ลองคิดดูว่า กษัตริย์สูงสุดที่คุ้มกะลาหัวพวกเรา ไปถูกฝรั่งมังค่าสอบสวน ผมคงทำใจไม่ได้”
ชาดา ตั้งคำถามว่า แน่ใจหรือหากแก้ไขมาตรา 112 แล้วบ้านเมืองจะสงบ พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลเกิดมาแก้มาตรา 112 อย่างเดียวหรือ ถ้าไม่แก้แล้วประเทศจะล่มจมหรือไม่ ถ้าแก้แล้วประเทศนี้เป็นเทวดาหมดหรือไม่
“เราก็ยังหวังลึกๆ แต่ท่านไม่ยอมอะไรเลย ท่านจะต้องถือ 112 ไว้ในกระเป๋า วันนี้ท่านไม่ต้องไปชี้ที่ ส.ว. ชี้ที่ตัวท่านเอง ท่านหลุดมาคำเดียวว่า ไม่ยุ่งกับ 112 พรรคภูมิใจไทยจะยกมือให้ท่าน และไม่ร่วมรัฐบาลกับท่านด้วย”
“เขาบอกฝั่งนั้นเป็นฝั่งประชาธิปไตย แล้วพวกผมมาจากไหน ผมก็เดินหาเสียง กลัวสอบตกเหมือนกันกับท่าน ไม่ใช่ว่าลุงตู่ (พล.อ.ประยุทธ์) หรือ คสช. แต่งตั้งผมมา ผมก็เลือกตั้งมาเหมือนกัน ไม่ใช่ฝั่งประชาธิปไตยเป็นฝั่งโจรหรือ เป็นโจรก็ยอม เป็นโจรที่รักชาติ สถาบัน ปกป้องบ้านเมืองนี้ ด้วยเลือดเนื้อของผม”
“ผมอาจจะขอเขาออกกฎหมายใหม่ ยิงคนที่หมิ่นสถาบันฯ แล้วไม่ติดคุก ดีไหม มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว วันนี้เราอยู่ได้ด้วยสถาบันกษัตริย์ปกปักษ์รักษาเรามา อย่าให้ผมไปคิดเลยว่า ก้าวไกล อนาคตใหม่ เกิดมาเพื่อล้มล้างหรือเปล่า วันนี้ท่านยืนเด่นชนทุกคนที่ขวาง นี่ไม่ใช่บุคลิกของคนบริหารประเทศ” ชาดา กล่าว