เฟอร์ดินานด์ บองบอง มาร์กอส จูเนียร์ หรือ 'บองบอง' ลูกชายวัย 64 ปีของ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส อดีตผู้นำเผด็จการฟิลิปปนส์ กำลังทำคะแนนนำทิ้งห่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจนในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้
BBC ชี้ว่า หลังจากดูตัวเลขของโพลทั่วประเทศ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าบองบองจะชนะแบบ "แลนด์สไลด์" และขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปินส์
คู่แข่งเบอร์หนึ่งของเขาคือ 'เลนี โรเบรโด' นักการเมืองหญิงหัวก้าวหน้าที่มีผู้สนับสนุนจำนวนมาก และเคยเอาชนะบองบองมาแล้วในการชิงตำแหน่ง 'รองประธานาธิบดี' เมื่อปี 2559
เธอมีแบ็คกราวน์ของการเป็นนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งที่ผ่านมาเธอแสดงการต่อต้านอย่างชัดเจนต่อนโยบาย "สงครามยาเสพติด" ของดูแตร์เตซึ่งเธอวิจารณ์ว่าเป็นวิธีการที่ "บ้าระห่ำและไร้ความรู้สึก" ขณะที่ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตจากกระบวนการดังกล่าวไปมากกว่า 6,600 ราย ซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วย
ประชาชนจำนวนมากออกมาใช้สิทธิ์กันตั้งแต่เช้ามืด สื่อท้องถิ่นชี้ว่าน่าจะมีผู้ออกมาเลือกตั้งมากเป็นประวัติการณ์จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดในครั้งนี้ราว 67.5 ล้านคน
BBC รายงานว่าเกิดปัญหาขึ้นในบางคูหาเลือกตั้ง ประชาชนบางพื้นที่ไม่สามารถยื่นบัตรเลือกตั้งใส่เครื่องนับคะแนนได้ บางแห่งเจ้าหน้าที่แจ้งให้ผู้มาเลือกตั้ง "วางบัตรเลือกตั้งไว้ที่บูธของเจ้าหน้าที่ได้เลย"
กกต.ฟิลิปปินส์เผยว่าในวันนี้เครื่องนับคะแนน 1,867 ทั่วประเทศ "เกิดปัญหาทำงานผิดพลาด" ขณะที่ผู้มาเลือกตั้งคนหนึ่งกล่าวกับ BBC ว่าเธอใช้เวลากว่า 4 ชม.ในการพยายาม "หย่อนบัตรเลือกตั้งใส่เครื่องนับคะแนนและรับหลักฐานการเลือกตั้งจากเจ้าหน้าที่"
ผู้ชนะในศึกการชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีครั้งนี้จะเข้ารับตำแหน่งต่อจากผู้นำคนปัจจุบันอย่าง โรดริโก ดูแตร์เต หัวหน้าคณะรัฐบาลที่ขึ้นชื่อและถูกประณามเรื่องการใช้มาตรการรุนแรงในการจับกุม จัดการ และสังหาร ผู้ต้องสงสัยในคดียาเสพติด เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลเองปฏิเสธมาโดยตลอดว่ากระทำการอันไม่สมควร ไปจนถึงประเด็นการสั่งปิด ABS-CBN สื่อใหญ่ของฟิลิปปินส์ที่เคย "ทำให้ประธานาธิบดีโกรธเคือง"
ทั้งนี้ 'เฟอร์ดินานด์ บองบอง มาร์กอส จูเนียร์' นักการเมืองวัย 64 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ผู้ล่วงลับ 'เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส' ผู้นำเผด็จการที่เคยปกครองฟิลิปปินส์ยาวนานกว่า 2 ทศวรรษครึ่ง ถูกกล่าวหากรณีกักขังและทำร้ายร่างกายประชาชน สร้างความยากจนและความเสื่อมโทรมให้กับประเทศ ก่อนจะถูกประชาชนโค่นล้มได้สำเร็จในปี 2529 จนเขาต้องถูกเนรเทศไปยังสหรัฐอเมริกา
จึงเป็นธรรมดาที่การกลับมาของคนในตระกูลมาร์กอสจะได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยโดยเฉพาะจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนที่มองว่าเป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ที่ลูกชายของอดีตผู้นำเผด็จการจะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำประเทศ โดยที่ครอบครัวมีประวัติอันเลวร้ายกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนและการยักยอกเงินร่วม 10,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3.3 แสนล้านบาทในช่วงเรืองอำนาจ
ในเดือน ต.ค. 2564 AsiaPlus เผยผลโพลชี้ว่า เขาได้รับคะแนนนิยมมาในอันดับที่สอง รองจากบุตรสาวของ 'ดูแตร์เต' ซึ่งมาร์กอสจูเนียร์ยังประกาศด้วยว่า เขาต้องการสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในประเทศ พร้อมขอโอกาสเข้ามารับใช้ประชาชนในการแก้ปัญหาจากวิกฤตโควิด-19