ไม่พบผลการค้นหา
กลุ่มสหภาพแรงงาน รายงานตัวที่ สน.นางเลิ้ง หลังถูกหมายเรียกฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการชุมนุม 23 ส.ค. หน้าทำเนียบฯ 'สมยศ' ชี้ จนท.ตร.ใช้ พรก.ฉกฉวย รังแกประชาชน

วันที่ 19 ก.ย. 2565 ที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า สหภาพแรงงาน นำโดย สมยศ พฤกษาเกษมสุข สุธิลา ลืนคำ เซียจำปาทอง แซม สนธยา และธนพร วิจันทร์ ซึ่งเป็น 5 คนที่ถูกหมายเรียกดำเนินคดีฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินฯ หลังชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวาระครบรอบ 8 ปี และเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิตให้ประชาชน เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา 

ธนพร กล่าวกับสื่อมวลชน ก่อนเข้าพบเจ้าพนักงานตามหมายเรียกว่า สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ในการเดินคดีทั้ง 5 คนด้วยข้อกล่าวหา พรก.ฉุกเฉินฯ นั้นไม่สมควร เพราะโรคโควิด-19 มันเกิดขึ้นจากการบริหารผิดพลาดของรัฐบาล และศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แต่การชุมนุมในวันที่ 23 ส.ค. เป็นการชุมนุมในที่โล่งแจ้ง และมีมาตรการความปลอดภัยทางสาธารณสุข และสหภาพแรงงานมีต้นทุน ซึ่งต้องลางานมาเพื่อรายงานตัว มันสมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะตนก็ออกมาพูดความจริง 

ด้าน แซม สนธยา กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่โดนหมายเรียก เพราะตนใช้แรงงานมา 30 ปีในการทำงานโรงงาน และมีการเรียกร้องต่อรัฐบาล และกระทรวงแรงงานมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สร้างตราบาปให้ตน ที่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพเพื่อให้ผู้ปกครองดูแลประชาชนโดยเฉพาะผู้ใช้แรงงาน 

ขณะที่ เซีย จำปาทอง เผยว่า ตนรู้สึกผิดหวัง และน้อยใจที่ได้หมายเรียก เพราะเป็นดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ที่แจ้งข้อกล่าวหา และยัดข้อกล่าวหาอย่างจริงจัง เพราะตนแค่มาเรียกร้องให้รัฐบาลควบคุมราคาสินค้า และทำตามนโยบายที่ประกาศไว้ คือ เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยใช้ดุลยพินิจอย่างเข้มข้น แต่กับกลุ่มอื่นดำเนินการคล้ายๆ กันนั้นไม่มีการดำเนินการ เหมือนว่ามีธงจะจัดการกับพวกเราโดยเฉพาะ และยืนยันว่าจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา 

เซีย กล่าวอีกว่า วันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา เราออกมาเรียกร้องการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพื่อให้พรรคพลังประชารัฐทำตามที่หาเสียงไว้ มันผิดตรงไหน เพราะเคยสัญญาไว้ว่าจะปรับขึ้นเป็น 400-425 บาท เราออกมาทวงถาม แต่คุณไม่ทำตาม แล้วคุณยังจะแจ้งข้อกล่าวหาพวกเราเอง พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่รัฐประหาร 2557 มีอะไรเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจบ้าง เราถึงทวงถามว่า รัฐบาลจะแก้ปัญหาให้ผู้ใช้แรงงานอย่างไร 

"ตั้งแต่เวทีมวยลุมพินี ผับทองหล่อ ที่ผ่านมามาจากการบริหารที่ล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าสติปัญญาของผู้บริหารประเทศยังดีอยู่หรือเปล่า และขอให้ยกเลิกการดำเนินการเรื่องนี้เสีย" เซีย กล่าว 

สุธิลา กล่าวว่า วันนั้นมาพูดเรื่องคนงานที่ไม่ได้รับกฎหมายคุ้มครอง แปลกใจว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ถึงออกมาหมายเรียกพวกเรา และที่เราออกมาเรียกร้องก็เป็นปัญหาที่รัฐสร้างไว้ และคิดว่าคนที่ออกหมายเรียกพวกเรานั้นเป็นพวกชั่ว และรัฐบาลก็ชั่ว กรรมการสิทธิ (กสม.) ไปมุดอยู่ที่ไหน ทำไมถึงปล่อยให้รัฐมารังแกพวกเรา การกระทำการเยี่ยงนี้เป็นการกระทำของเผด็จการ 

ด้าน สมยศ กล่าวว่า ถ้าเป็น พรก.ฉุกเฉินฯ ต้องฉุกเฉินจริงๆ แต่วันนี้ไม่ใช่ กฎหมายดังกล่าวกลายเป็น พรก.ฉกฉวย เพื่อหวังใช้กฎหมายมากดขี่ ปัดสวะออกจากตัวเอง แล้วทำให้ปัญหาบ้านเมืองยังคงอยู่ โดยเฉพาะปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน 

สมยศ กล่าวอีกว่า วันนี้เราไม่ต้องใส่แมสก์ หรือหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นความสมัครใจ เพราะรัฐบาลบอกว่า โควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น และมีการยกเลิกศบค. ไปแล้ว แต่กฎหมายฉุกเฉินนอกจากจะผิดที่ผิดทาง และรังแกประชาชนแล้ว ยังเป็นการทำให้บิดเบือนความเป็นกฎหมายฉบับนี้ ดังนั้นจึงเห็นว่า การที่ พ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผู้กำกับ สน.นางเลิ้ง ทำคดีนี้จะหมดอนาคต เพราะรัฐบาลชุดนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไป ขั้วอำนาจเปลี่ยน ดังนั้น อยากจะเรียนให้พี่น้องตำรวจรับทราบว่า การทำคดีรับใช้เจ้านาย จะดับอนาคตในตัวเอง ไม่มีโอกาสเจริญก้าวหน้าอย่างแน่นอน 

"วันนี้จึงมาบอกทางธรรมะว่า การจัดการคดีนี้ให้ดีที่สุดคือรีบถอนตัว การกระทำแบบนี้ในสถานการณ์ที่ยกเลิกศบค. ไปแล้ว กลายเป็นปัญหาการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ การใช้กฎหมายโดยบิดเบือน งานนี้จะมีการโต้กลับ และสหภาพแรงงาน สามารถร้องเรียนต่อ สหประชาชาติ ทำให้ประชาธิปไตยถดถอยจนหน้าอับอาย การประชุมเอเปคที่จะถึงนี้จะเจอปัญหาใหญ่คือการถดถอยเสรีภาพของประชาธิปไตย" สมยศ กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มสหภาพแรงงานทั้ง 5 คนที่ถูกหมายเรียก ยืนยันต่อสื่อมวลชนอีกครั้งว่าจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก่อนที่จะชูสามนิ้วตะโกนว่า "เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ" แล้วจึงเดินเข้าไปยังด้านใน สน.นางเลิ้ง ต่อไป

นอกจากนี้ ผู้สื่อยังได้สังเกตว่า มีประชาชนจำนวนหนึ่งที่เดินทางมาให้กำลังใจด้วยการชูป้ายระบุข้อความ อาทิ เผด็จการชั่ว กลัวเสียงแรงงาน, ค่าแรงบ่ขึ้น กูสูนเด้, แรงงานสร้างชาติ ไม่ใช่นายกเถื่อน ฯลฯ 

ทั้งนี้ การชุมนุมด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันทีา 23 ส.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า สหภาพแรงงานได้มีข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลทั้งหมด 3 ข้อ ประกอบด้วย 

1. ให้ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกภายในวันที่ 24 ส.ค. 2565 

2. ให้พรรคพลังประชารัฐ ปรับค่าแรงขั้นต่ำตามที่ได้หาเสียงไว้ โดยปรับเป็น 425 บาทต่อวัน เท่ากันทั่วประเทศ ภายในเดือน ต.ค. 2565 และปรับเป็น 495 บาทต่อวันเท่ากันทั่วประเทศ ภายใน ม.ค. 2566

3. ลดค่าน้ำมันทุกชนิดลงลิตรละ 6 บาท และลดค่าสินค้าอุปโภคบริโภค ค่าครองชีพ ให้กับประชาชน