นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยเป้าหมายร่วมกันของ กมธ.ว่า วัตถุประสงค์หลักของการศึกษา คือ แก้ไขปัญหาการตายผ่อนส่งของคนไทยที่ได้รับภัยจากสารเคมีร้ายแรงที่ปนเปื้อนในพืชผลการเกษตรและในสิ่งแวดล้อม ตนดีใจที่ กมธ.ทุกท่านหลอมรวมเป็นเอกภาพ เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีการแบ่งแยกเป็นพรรคการเมืองต่างๆ ทำให้การทำงานของ กมธ.เป็นไปด้วยความราบรื่น
ตนมั่นใจว่าจะเสร็จภารกิจตามกำหนด 60 วัน ที่สภาฯ มอบหมายไว้ ในการประชุมครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีความเห็นว่าควรแบนสารพิษร้ายแรง 3 ตัว คือ พาราควอต คลอไพริฟอส และไกลโฟเซต ในทันที ไม่ต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมอีกแล้ว เพราะมีทั้งงานวิจัยและผลกระทบที่เกษตรกรและผู้บริโภคประสบอยู่ ตลอดจนมีประเทศต่างๆ ทั่วโลก ถึง 53 ประเทศ ได้สั่งแบนสารพิษร้ายแรง 3 ตัว ดังกล่าวไปแล้ว
สำหรับกรณีคณะกรรมการวัตถุอันตราย ได้ประชุมเมื่อในที่ 18 กันยายน 2562 ทึ่ผ่านมา แล้วมีมติยื้อการแบน 3 สารพิษ ออกไปอีก 60 วัน โดยมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกต่อไปนั้น ในฐานะประธาน กมธ. ขอยืนยันว่า จะผลักดันการแบน 3 สารพิษร้ายแรงต่อไปอย่างมั่นคง และขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า การรักษาชีวิตคนไทยไม่ให้ตายผ่อนส่งซึ่งรวมทั้งตัวท่านและบุคคลในครอบครัวด้วย มีความสำคัญสูงสุดมากกว่าผลประโยชน์อื่นใดซึ่งเป็นเรื่องรอง ถ้าตัดสินใจปัญหาหลักไม่ได้ ก็ยากที่จะแก้ไขปัญหาอื่นๆ ที่ตามมาอีกมากมาย
"ความจริงคณะกรรมการวัตถุอันตรายก็เป็นเพียงกลไกหนึ่งในการทำงานของรัฐบาล เวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมา ถ้ารัฐบาลมีนโยบายในการดูแลคุณภาพชีวิตเกษตรกรและประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นผู้บริโภค คณะกรรมการวัตถุอันตรายก็คงสนองนโยบายรัฐบาลไปแล้ว ดังนั้นหัวใจสำคัญจึงอยู่ที่ว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่น จริงใจที่จะแก้ไขปัญหาการตายผ่อนส่งของคนไทย มากน้อย แค่ไหน เพียงใด
"อย่างไรก็ตาม กมธ.จะยืนหยัดเดินหน้าต่อไปอย่างเต็มกำลังเพราะได้ฉันทานุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรด้วยเสียงเอกฉันท์ไม่มีผู้ใดคัดค้านแม้แต่เสียงเดียว"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :