วันที่ 9 ส.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีพรรค พปชร.ยังยืนยันในสูตรกันหาร 100 หรือไม่ ว่า ขอให้ไปถามสมาชิกเขา

และเมื่อถามว่า จุดยืนเดิมนี้ไม่เคยเปลี่ยนใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร นิ่งและปฏิเสธตอบคำถาม 

ขณะที่กระแสข่าวพาดพิงตนส่งสัญญาณให้ ส.ส.พปชร. ล้มการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งและพรรคการเมือง พล.อ.ประวิตร ว่า ตนจะไปยุ่งอะไร เป็นเรื่องของสมาชิกพรรค และตนไม่รู้ ส.ว. ส.ส. ก็เป็นเรื่องของเขา ตนไม่สามารถไปสั่งได้เขามีความคิดอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง

เมื่อถามว่า กระแสข่าว พปชร.จะล็อบบี้ ส.ว.สายลุงป้อม นั้น พล.อ.ประวิตร ส่ายหัว ก่อนระบุว่า ไม่มีสายใคร ไม่มีสายลุงตู่-ลุงป้อม ไม่มีเขาเป็นคณะกรรมการที่ได้คัดเลือกเขาไป

ส่วนการที่พรรค พปชร.จะได้เปรียบสูตรหาร 100 หัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า ตนไม่รู้ ตนอะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่คิดเพราะเอา ส.ส.เขตเป็นหลัก

ขณะที่การประชุมร่วมของสภา วันพรุ่งนี้มีการกำชับให้เข้าร่วมหรือปล่อยฟรี พล.อ.ประวิตร ระบุว่า เป็นเรื่องเขาตนจะไปยุ่งได้ไง เขาจะเข้าหรือไม่ตนจะรู้ได้ยังไง ก่อนพูดหยอกวลีว่า "ไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ แต่ไม่แล้งแน่"

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกระแสข่าวดีลกับพรรคอื่นว่า ตนจะไปดีลกับใคร ตนไปต่างจังหวัดทุกวันสื่อก็เห็น กลับบ้านก็นอนเช้าก็ทำงานทั้งวัน 

ก่อนจี้ถามกลับสื่อว่า ตนดีลกับใครๆๆ และเมื่อสื่อบอกว่าข่าวดีลจับมือกับพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธว่า ไปที่ไหนไม่เจอกันเลย ยังไม่เจอใครเลยครับ นะครับ เข้าใจด้วยนะคุณอย่าไปคิดเอาเอง ก่อนชี้ว่า ข่าวทั้งหมดสื่อคิดเอาทั้งนั้น ไม่ใช่ฝ่ายการเมือง แต่คุณแหละ ตัวดีอะ

เมื่อถามย้ำว่า อนาคตไม่มีทางที่ พปชร.จะจับมือกับเพื่อไทย ใช่ไหม พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ตนจะไปรู้ได้ไง อนาคตสื่อรู้ไหม พร้อมย้ำว่าตนไม่รู้จริงๆ ใครจะไปรู้อนาคตใครจะเป็นยังไง ให้เลือกตั้งออกมาก่อนค่อยว่ากัน

พล.อ.ประวิตร ยังปฏิเสธกระแสข่าวที่ พปชร.จะชูตนเป็นนายกฯ ว่า ไม่ใช่ นายกฯอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ยังไม่ครบ 8 ปีก็ต่อไป พร้อมปฏิเสธว่าไม่ใช่ตน

เมื่อถามย้ำว่า ตนพร้อมเป็นนายกฯ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ผมจะไปพร้อม (เป็นนายกฯ) ได้ไง ผมยังไม่ได้คิด นายกฯอยู่ต่ออีก 8 ปี อยู่ต่ออีก 2 ปี ก็ว่าไป"

เมื่อถามต่อว่า เลือกตั้งครั้งหน้าถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ถูกสกัดเรื่องวาระ 8 ปี พปชร.ยังคงจะเสนอชื่อต่อใช่ไหม หัวหน้า พปชร. กล่าวว่า ก็เสนอ ส่วนจะเสนอชื่อตนหรือไม่ก็แล้วแต่สมาชิกพรรคว่ายังไงก็ว่าตาม ซี่งไม่ใช่ตนคนเดียวเพราะทุกคนร่วมกันตั้งพรรค พปชร.ขึ้นมา 

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นหนังสือต่อ กกต. ขอให้ดำเนินการพิจารณายุบพรรคการเมืองขนาดเล็ก 7 พรรค รวมถึงพรรคการเมืองใหญ่บางพรรค ที่สนับสนุนให้เงินเดือน เข้าข่ายการถูกครอบงำทางการเมือง พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ตนจะไปรู้ได้ไง เสรีพิศุทธ์ ก็ว่าไป พร้อมปฏิเสธข่าวว่าไม่มีรับเงินในมูลนิธิป่ารอยต่อฯ

คาดชง ครม.พิจารณาขึ้นค่าแรง ก.ย.

สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐม(พปชร.) กล่าวถึง​ความคืบหน้าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ว่า ได้มอบนโยบายให้ปลัดกระทรวงแรงงานประชุมไตรภาคีจังหวัด ซึ่งได้มีการประชุมทุกจังหวัดแล้ว ขณะนี้ได้ตัวเลขมาหมดแล้ว แต่อำนาจการเกลี่ยตัวเปอร์เซ็นต์ให้เหมาะสมนั้น ข้อเท็จจริงแต่ละจังหวัดต่างกัน 1-2 บาท และแบ่งเป็นหลายช่วง และกำลังปรับขึ้นให้อยู่โดยจะทำทั้งหมด 12 ช่วง ซึ่งตัวเลขจะไม่เท่ากันทุกจังหวัดและเป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นพร้อมกันทุกจังหวัด เพราะจีดีพีแต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน 

ทั้งนี้​ ตนได้ให้นโยบายกับปลัดกระทรวงแรงงานไปแล้วว่าจะต้องทำให้จบภายในเดือนสิงหาคม และน่าจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงต้นเดือน​ ​ก.ย. จากเดิมที่วางเอาไว้ให้มีผลบังคับใช้ช่วงต้นปี 2566 แต่ครั้งนี้เวลา 1 ปี กว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้มีการปรับค่าแรงเลย เนื่องจากต้องแก้ปัญหาเยียวยาการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลทำได้แต่ประคับประคองไม่ให้เลิกจ้าง และวันนี้เป็นเวลาที่เหมาะสม นายจ้างเห็นดีเห็นงาม เพราะต้องการให้ลูกจ้างอยู่กับเขาต่อ ส่วนตัวเลขที่เรากำหนดอยู่ 5-8 % เรามีพื้นฐานการตั้งตัวเลขมาจากจีดีพีและภาวะเงินเฟ้อ เอา​ GDP ของแต่ละจังหวัดมาบวกลบคูณหารจะสามารถตอบคำถามว่าทำไมแต่ละจังหวัดได้ในปริมาณเท่านี้ 

ขณะที่สถานการณ์ค่าของชีพก็ล้อจากฐานเดิม ในช่วงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พื้นที่​ EEC​ และพื้นที่​กทม. ก็ต้องขึ้นก่อนและสูงขึ้นไป เพราะค่าครองชีพและจีดีพีจังหวัดนั้นสูง ย้ำว่า​ เราจะเร่งรัดเพื่อนำเข้า ครม.ในเดือนกันยายนให้ได้ ส่วนตัวอยากให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ต.ค. เพราะคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนหารือกับสภานายจ้างว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะปรับให้ขึ้นเร็วกว่าต้นปี เพราะขณะนี้สินค้าอุปโภคบริโภคมีการปรับตัวไปแล้ว ขอให้เชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ 

ส่วนการนำเรื่องนี้จะทำให้รัฐบาลถูกมองว่าเป็นการใช้ประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ สุชาติ มองว่า​ เป็นเรื่องช่วงเวลามากกว่า ถ้าคิดว่าการขึ้นค่าเเรงเป็นเรื่องการเมือง คงขึ้นค่าแรง 492 บาท​ ตามข้อเรียกร้องของผู้นำแรงงานไปแล้ว ขอร้องอย่าเอาเรื่องค่าแรงเป็นเรื่องการเมือง เพราะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศชาติ เราไม่สามารถเอาเรื่องค่าแรงเป็นเรื่องการเมืองแต่เราปรับตามเวลาที่เหมาะสม 

สุชาติ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวพรรคพลังประชา​รัฐ ส่งสัญญาณไม่ให้​ ส.ส.เข้าร่วมประชุมสภาในวันที่ 10 ส.ค. นี้ ที่จะมีการพิจารณากฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง​ ส.ส. ว่า ขอให้สอบถามไปยังประธานวิปรัฐบาล เนื่องจากตนไม่ได้เข้าร่วมประชุมวิป ยังไม่ทราบข้อมูลทั้งหมด แต่โดยส่วนตัวในวันที่ 10 ส.ค.นี้ ตนเข้าร่วมประชุมสภาอยู่แล้ว เป็น​ ส.ส. ก็ต้องทำหน้าที่ของผู้แทนราษฎร ต้องเข้าประชุมสภาอยู่แล้ว 

ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐเองจะต้องโหวตไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ สุชาติ กล่าวว่า ขอเรียนตรงตรงว่าเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ ต้องขอเช็คข้อมูลก่อน และคนไม่ได้เข้าประชุมวิปด้วย