ไม่พบผลการค้นหา
‘แพทองธาร’ สวมผ้าไทย ร่วมเวทีเสวนา Soft Power แบบไม่ซอฟต์ มุ่งผลักดันเสน่ห์ของไทยให้เป็นที่ประจักษ์ - เผย แนวคิดเล็งสร้าง Sandbox แบบ One Stop Service อำนวยความสะดวก เรื่องขออนุญาต-ดำเนินการเอกสารให้ภาคเอกชน โดยนำร่องในอุตสาหกรรมภาพยนตร์

วันที่ 24 ม.ค. แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ สวมใส่ผ้าไทย ร่วมเวทีเสวนา “Soft Power แบบไม่ซอฟต์ ” ภายใต้หัวข้อ Soft Power Thailand's Next Weapon เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ทิศทาง และมุมมองเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน ณ สำนักงานไทยรัฐ

โดย แพทองธาร ระบุว่า ซอฟต์พาวเวอร์แบบที่รัฐบาลเพื่อไทยทำเพื่อเน้นในเรื่องของเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็ต้องดำเนินนโยบายการต่างประเทศไปด้วย เพราะต้องผลักดันเสน่ห์ของประเทศไทยให้ไปสู่สายตานานาประเทศ และทำให้เขามาหลงรักเสน่ห์ของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องละคร หนัง ดนตรี ผลิตภัณฑ์ และวัฒนธรรมต่างๆ เป็นต้น

พร้อมเปิดเผยด้วยว่า ก่อนที่จะเลือกตั้งอยากจะหาโปรเจคที่ทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นออกจากกรอบการหาอาชีพ หรือได้รับรายได้เป็นนค่าตอบแทนแบบแรงงาน จึงได้แรงบันดาลใจจากเรื่องนี้นำมาพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ไทย เพราะเห็นว่าภาครัฐมีความยุ่งยากในการทำเอกสารต่างๆ ซึ่งเอกชนต้องผ่านถึง 40 หน่วยงาน

สวนทางกับสิ่งที่เราจะผลักดัน จึงมีแนวคิดจะทำ Sandbox ขึ้นมา เพื่อเริ่มทำ one stop service สำหรับอำนวยความสะดวกเรื่องขออนุญาตและดำเนินการเรื่องเอกสารต่างๆ ให้กับภาคเอกชน โดยจะเริ่มนำร่องไปที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ก่อน จากนั้นก็จะค่อยๆขยายสู่อุตสาหกรรมอื่น

ดังนั้นหากเราสามารถทำให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และซอฟต์พาวเวอร์เป็นเหมือนกับเกาหลีใต้ได้แล้ว ก็อยากจะทำ พ.ร.บ.THACCA เพื่อพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ให้ไปจนสุดทาง และป้องกันการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น เพราะเมื่อการเมืองเปลี่ยน ต้องยอมรับว่านโยบายของรัฐบาลก็จะดร็อปลงไปกับรัฐบาลนั้นๆด้วย จึงอยากจะสร้างอะไรที่มั่นคง ฉะนั้นคาดว่าจะเขียนร่าง พ.ร.บ.แล้วเสร็จในช่วงเดือนเมษายน ก่อนจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป

ส่วนประเด็นที่ประชาชนสงสัยว่าซอฟต์พาวเวอร์จะแตกต่างอะไรกับการโปรโมทวัฒนธรรมเหมือนที่ผ่านๆมา แพทองธาร ย้ำว่า เราเข้ามาเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรรม และบุคคลากรให้ยั่งยืนขึ้น เช่น หากเราสามารถทำให้เทศกาลต่างๆรวมถึงสงกรานต์เป็นเหมือนเฟสติวัล เหมือนกับในต่างประเทศได้ ส่วนตัวเชื่อว่าจะช่วยสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ ประชาชน และภาคธุรกิจได้อย่างแน่นอน เพราะต่างชาติจะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ แพทองธาร ยังกล่าวถึงเรื่องงบประมาณของนโยบาย ว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเราจะมีการกลั่นกรองในเรื่องนี้อีกหลายครั้ง แต่อาจจะไม่ได้อยู่ในร่างงบประมาณ เพราะเงินที่นำมาใช้จะกระจายอยู่ในกระทรวงต่างๆ และมีรายละเอียดยิบย่อย จึงไม่สามารถเขียนลงไปได้ว่าจะทำอะไรบ้าง

แต่สำหรับกรณีที่ ผลสำรวจของไทยรัฐโพล 47% ประชาชนเชื่อว่ารัฐบาลสามารถผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ให้สำเร็จได้นั้น ตนรู้สึกดีใจ เพราะปัจจุบันยังไม่ทันได้ทำอะไรที่เป็นรูปธรรม กำลังรองบประมาณอยู่ ส่วนกรณีที่ประชาชนมองว่านโยบายนี้จะทำให้ประเทศได้รับรายได้เพิ่มได้จริงมีเพียง 40% แพทองธาร ยืนยันว่า เรื่องนี้จะค่อยๆเห็นภาพชัดเจนขึ้น เพราะเราพยายามผลักดันให้วัฒนธรรมไทยเติบโต และเป็นระบบมากยิ่งขึ้น

ผ่านการร่วมมือกันของหลายๆกระทรวงทั้ง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการต่างประเทศ เป็นต้น โดยเฉพาะในเรื่องของการโปรโมทการท่องเที่ยว อาหาร และมวยไทย จึงมั่นใจว่า นโยบายนี้จะประสบผลสำเร็จแน่นอน เพราะเราได้รับความร่วมมือที่ดีจากทุกฝ่าย ดังนั้นขอให้ทุกคนอดใจรอกันก่อน เพราะรัฐบาลทุ่มเทมากๆกับนโยบายนี้