พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา คณะรัฐมนตรี ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2563
โดยมีองคมนตรี ประธานรัฐสภาประธานวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการกรุงทพมหานครและภริยา ผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าร่วม พร้อมทั้งได้อัญเชิญพระพุทธรูป พระพุทธบรมมหาจักรีศรีภูมิพลมหาราช ซึ่งพระพุทธรูป ดังกล่าวถูกจัดสร้างขึ้นเนื่องในโอกาส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ และนิมนต์พระสงฆ์ ประกอบด้วย สมเด็พระราชาคณะ และพระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์
หลังจากนั้น สมเด็จพระราชา คณะ พระราชาคณะ พระสงฆ์และสมเณร จำนวน 189 รูป รับบิณฑบาต ซึ่งสิ่งของตักบาตรหลังจากเสร็จสิ้นพิธีนี้จะนำไปมอบให้กับสถานสงห์เคราะห์ในสังกัดระทรวพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สถานสงเคราะห์ ในสังกัดกรุงเทพมหานคร และวัดที่ขาดแคลนต่อไป จากนั้น นายกรัฐมนตรีและภริยา จะเป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มและถวายบังคม เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2563
ระหว่างนายกรัฐมนตรี ทำบุญตักบาตร มีประชาชนที่มาร่วมพิธีนำภาพปฏิทินที่มีพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ตัดใส่กรอบมามอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้กำลังใจ โดยระบุว่า ตนเตรียมภาพดังกล่าวมามอบให้กับพลเอกประยุทธ์ มา 2-3 งานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสมอบให้ วันนี้เมื่อได้มอบให้ จึงรู้สึกดีใจมาก ซึ่งในภาพมีข้อความ ระบุว่า ขอให้ตั้งสติเมื่อมีเหตุการณ์ร้ายจะได้คิดทำอะไรได้ไม่ผิดพลาด
ทั้งนี้ ในเวลา 19.19 น. รัฐบาลยังได้เชิญชวนปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าเฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีจุดเทียนมหามงคล เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพวันพ่อแห่งชาติและวันชาติ ท่ามกลางมหาสมาคมของประชาชนทุกหมู่เหล่าซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย