พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน CLMVT Forum 2019 : ศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่าแห่งเอเชีย พร้อมกล่าวปาฐกถาหัวข้อ “CLMVT as the New Value Chain Hub of Asia” การผลักดันให้ CLMVT เป็นศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่ายุคใหม่แห่งเอเชีย ตอนหนึ่งว่า CLMVT ต้องเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของเอเชียและของโลก และต้องความเชื่อมโยง รวมถึงเป็นเวทีในการสร้างเครือข่ายธุรกิจของคนรุ่นใหม่ เพื่อส่งเสริมต่อยอดความเจริญไปยังภูมิภาคให้เกิดความยั่งยืนท่ามกลางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงของโลก และสถานการณ์ทางการค้า ส่วนต้องเจรจาอาเซบจะต้องแล้วเสร็จในปีนี้ เพื่อเป็นเสียงเดียวกันของเอเชีย และทุกคนต้องช่วยให้สำเร็จให้ได้
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า มีคนบอกว่าตนเองติดโซเชียลและชอบดูแต่โทรศัพท์ ยืนยันว่าตนเองไม่ดูอะไรในโซเชียลมีเดียที่เป็นเรื่องโง่ๆ โดยเฉพาะใครจะว่าหรือด่าอะไร และตนเองไม่อ่านทำให้เสียอารมณ์ แต่จะอ่านเฉพาะเรื่องที่มีสาระเท่านั้น ขณะที่การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 34 ที่ผ่านนั้น มีการประชุมตั้งหลายวัน แต่ทำไมสื่อชอบเขียนแต่เรื่องกระพี้ ดังนั้นอะไรทำลายประเทศก็รับกันไปด้วยทุกคน ทั้งๆที่คนดีๆพยายามทำแทบตายให้การประชุมเกิดความสำเร็จและเรียบร้อย พร้อมทั้งกล่าวแซวล่ามที่แปลภาษาด้วยว่า ตนเองพูดเพิ่มเติมจากคำกล่าวไปบ้าง คาดว่าล่ามคงจะแปลภาษาทันตนเอง เนื่องจากที่ผ่านมาตนเองทำงานมา 5 ปี ก็รู้เรื่องอยู่พอสมควร จึงอาจจะพูดเพิ่มเติมไปบ้าง
พลเอกประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า แม้ว่าจะมีคนโลกความเแตกต่างกัน แต่เราคือประชากรของโลก ที่อยู่โลกใบเดียวกัน อากาศเดียวกัน น้ำเดียวกัน ดังนั้นหากกระทำอะไรก็จะมีผลกระทบกับคนทั้งโลก อีกทั้งจะต้องไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งทางกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ และมีคนออกมาต่อต้านทุกอัน เพราะนั้นคือคืออันตรายของประเทศ ซึ่งเราให้ร้ายกันไม่ได้ เนื่องจากทุกประเทศคือเพื่อนเรา ที่อยู่ร่วมกันในประวัติศาสตร์มาหลายร้อยปี และจะทะเลาะกันอย่างไร เพราะทั้งหมดคือห่วงโซ่เดียวกันทั้งสิ้น
ทั้งนี้ คนเราพร้อมถูกชักจูงอยู่ด้วยอารมณ์อยู่แล้ว ดังนั้นอยากให้ใช้สติโดยเฉพาะ”ขันติ โสโรจจะ” ตามหลักพระพุทธศาสนา ซึ่งหมายถึงความอดทนอดกลั้น และตนเองพยายามที่จะทำอยู่ ในการพยายามยิ้ม หัวเราะ และมีสติ อย่างไรก็ตาม ตนเองก็มีนิสัยเป็นแบบนี้ และเป็นคนน่ารักจะตาย โดยตนเองพูดทั้งหมดด้วยหัวใจ และความคิดของตนเอง
อย่างไรก็ตาม ก่อนเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายกรัฐมนตรีว่าได้นำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามเพียงแต่ยิ้มและขึ้นรถกลับในทันที