เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวว่า การที่สหรัฐฯ เพิ่มกำลังทหารในฟิลิปปินส์มีแต่จะนำไปสู่ความตึงเครียดในภูมิภาคมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลฟิลิปปินส์อนุญาตให้กองทัพสหรัฐฯ เข้าถึงฐานทัพของตัวเองได้มากขึ้น
“ปฏิกิริยาของจีนไม่น่าแปลกใจ” มาร์กอสกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ (10 เม.ย.) “เราจะไม่ยอมให้ฐานทัพของเราถูกใช้เพื่อการกระทำเพื่อการรุกรานใดๆ สิ่งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือฟิลิปปินส์เมื่อใดก็ตามที่เราต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น” มาร์กอสกล่าวเสริมพร้อมระบุว่า “ถ้าไม่มีใครโจมตีเรา ก็ไม่ต้องกังวล เพราะเราจะไม่ต่อสู้กับพวกเขา”
เมื่อสัปดาห์ก่อน ฟิลิปปินส์ออกมาระบุถึงฐานทัพของตัวเองอีก 4 แห่งที่สหรัฐฯ จะสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นฐานทัพที่มีเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของจำนวนฐานทัพที่อยู่ในข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมขั้นสูง (EDCA) ระหว่างฟิลิปปินส์กับสหรัฐฯ
ที่ตั้งของฐานทัพของฟิลิปปินส์ ซึ่งกองทัพสหรัฐฯ สามารถเข้าถึงได้มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ โดยฐานทัพ 3 แห่งหันหน้าไปทางเหนือสู่ไต้หวัน และฐานทัพอีก 1 แห่งตั้งอยู่ใกล้กับหมู่เกาะสแปรตลีย์ที่เป็นข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนได้สร้างเกาะเทียมพร้อมลานเครื่องบิน และติดตั้งระบบขีปนาวุธบนเกาะเอาไว้
ข้อตกลง EDCA เน้นย้ำถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของฟิลิปปินส์ ที่มีต่ออดีตผู้ปกครองอาณานิคมอย่างสหรัฐฯ ซึ่งกำลังมาถึงในช่วงเวลาแห่งความกังวลที่เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับพฤติกรรมความก้าวร้าวของจีนในทะเลจีนใต้ และความตึงเครียดเกี่ยวกับกรณีความตึงเครียดบริเวณช่องแคบไต้หวัน
ข้อตกลงนี้ลงนามในปี 2557 ซึ่งฟิลิปปินส์ได้อนุญาตให้สหรัฐฯ เข้าถึงฐานทัพของฟิลิปปินส์เพื่อการฝึกร่วม การวางตำแหน่งยุทโธปกรณ์ล่วงหน้า และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ลานเครื่องบิน ที่เก็บเชื้อเพลิง และที่พักของทหาร แต่ไม่ได้มีการตั้งทัพอยู่อย่างถาวร
ความคิดเห็นของมาร์กอสมีขึ้น หลังจากการซ้อมรบของจีนในวันที่ 3 รอบเกาะไต้หวันสิ้นสุดลงเมื่อวันจันทร์ ซึ่งเป็นการซ้อมรบเพื่อจำลองการ “ปิดล้อม” ไต้หวันที่มีอำนาจการปกครองตนเอง และเป็นอิสระจากจีน ทั้งนี้ จีนเริ่มการซ้อมรบทางทหารเพื่อตอบโต้ ไช่อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากเธอเข้าพบกับ เควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โดยจีนเตือนว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการกระตุ้นให้เกิดการตอบโต้อย่างรุนแรง
อย่างไรก็ดี การให้สัมภาษณ์ของมาร์กอส เกิดขึ้นก่อนการซ้อมรบร่วมทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงในทะเลเป็นครั้งแรก จนส่งผลให้จีนเกิดความกังวลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจีนกำลังพยายามขยายอิทธิพลและความก้าวร้าวอย่างรุนแรง
ที่มา: