นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center หรือ EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองที่มีความไม่แน่นอนสูงยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่เชื่อว่าภายในสัปดาห์นี้จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้นหากมีการประกาศนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ชัดเจนออกมาว่าจะสามารถดำเนินนโยบายที่ต่อเนื่อง
โดยมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะเน้นการกระตุ้น จะต้องให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจในระยะสั้นและการช่วยเหลือเอสเอ็มอี ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันจากการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่สี่ของปีนี้ ที่จะใช้ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอยู่ ซึ่งมองว่า เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ตามที่คาดการณ์ไว้ ต้องมีเม็ดเงินอย่างน้อย 20,000 ล้านบาท เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
ส่วนความล่าช้าของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ล่าช้าไปประมาณ 3 เดือน มองว่า จะมีผลกระทบต่อเม็ดเงินการลงทุนใหม่ๆ ที่จะเข้ามา แต่เชื่อว่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น เพราะรัฐบาลยังสามารถใช้กรอบวงเงินเดิมจากงบประมาณปีปัจจุบันเพื่อใช้ในการลงทุนและเบิกจ่ายได้ต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 1 ปีหน้า
ทั้งนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2562 เหลือขยาย 3.1% จากประมาณการเดิมที่ 3.3% ซึ่งเป็นผลมาจากภาคการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากภาวะสงครามการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะขยายตัวเพียง 2.6% ส่งผลให้การส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกติดลบ 5% ส่งผลให้ทั้งปีคาดการส่งออกในปีนี้จะติดลบ 1.6% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 0.6% ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงจาก 40.7 ล้านคน เหลือ 40.1 ล้านคน หรือขยายตัวเพียง 4.8% เท่านั้น ขณะที่บรรยากาศเศรษฐกิจที่ไม่ดีมาก ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนปรับตัวลดลงตามไปด้วย โดยเฉพาะภาคการก่อสร้างและธุรกิจเอสเอ็มอี
ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเฉลี่ย 5% ยอมรับว่าเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกเป็นอย่างมาก ซึ่งทั้งหมดเป็นปัจจัยมาจากไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมาอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ย 7% ต่อจีดีพี ซึ่งถือว่าสูงมาก และที่ผ่านมาค่าเงินบาทถูกมองเป็นสกุลเงินที่มีความปลอดภัยในการลงทุน จึงมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย คงจะดำเนินนโยบายการเงินด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ในปี 2562 แต่ ธปท.จะต้องดูแลเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้าย รวมถึงการสนับสนุนให้นำเงินไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้นด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :