นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่าย Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากความขัดแย้งของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ชัดเจนและรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศและการลงทุนภาคเอกชนทั่วโลกชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่พึ่งพาจีน ทั้งซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนในประเทศมีแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงรายได้เกษตรกรที่ชะลอตัวจากปัญหาภัยแล้งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารกรุงไทยได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตเพียงร้อยละ 3.3 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.8 ขณะที่การส่งออกปรับลดลงเหลือร้อยละ 0.8 จากเดิมคาดขยายตัวร้อยละ 4
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกรุงไทยอาจจะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ลงอีกครั้ง โดยขอรอดูปฏิกิริยาประเด็นสงครามการค้าว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยเพิ่มเติมหรือไม่ แต่ทั้งนี้มองว่าฐานจีดีพีไทยปี 2562 จะไม่หลุดต่ำกว่ากรอบที่มองว่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 3 อย่างแน่นอน
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าอยู่ในขณะนี้ ธนาคารกรุงไทยประเมินว่าจะยังแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยจะอยู่ในกรอบที่ 30.00 – 30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 31.1 บาทต่อดอลล์สหรัฐฯ แต่ยังคาดว่าเงินบาทจะไม่แข็งค่าไปจนถึง 29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ตามที่หลายฝ่ายเป็นกังวล
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยประเมินกระแสเงินทุนไหลเข้าในช่วงครึ่งหลังปี 2562 น่าจะอยู่ที่ 3-4 หมื่นล้านบาท โดยอาจจะชะลอตัวบ้างจากประเด็นทางการเมือง แต่หากจัดตั้งรัฐบาลได้ไม่เกิน 1-2 เดือนนี้ รวมถึงเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น โอกาสที่กระแสเงินทุนไหลเข้าจะกลับเข้ามาถึง 1 แสนล้านบาทยังคงเป็นไปได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :