ดร. นลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย ได้เดินทางเยือน สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology - AIT) พร้อมกับ ดร.ศิริพรรณ ชุมนุม ประธานสภาสถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร และ ดร.สุวรรณี คำมั่น ประธานสมาคมส่งเสริมพัฒนากำลังคนสเตมเพื่ออนาคต (International Association for the Future STEM Workforce) เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีศาสตราจารย์ Pai-Chi Li อธิการบดีและคณะผู้บริหาร สถาบันฯ ให้การต้อนรับ โดยการเยือนมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือในการพัฒนาทักษะและศักยภาพแรงงานไทยให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล การพัฒนาเศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor - EEC) โดยเฉพาะรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมสมัยใหม่
ดร. นลินี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การเยือนครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศผ่านการพัฒนาแรงงานให้มีทักษะสอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมดิจิทัล ยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีอัตโนมัติ โลจิสติกส์ และพลังงานหมุนเวียน โดย AIT ในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย มีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงองค์ความรู้ระดับสากล โดยนำเสนอผลงานวิจัยและโครงการพัฒนาต่างๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานและอุตสาหกรรมเป้าหมาย โครงการที่โดดเด่น ได้แก่ AI Center ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ แพลตฟอร์ม Smart Microgrid ที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และ ระบบ Telehealth Monitoring สำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ
นอกจากนี้ ประธานผู้แทนการค้าไทยได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษใน หลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น ของ AIT ซึ่งครอบคลุมหัวข้อที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมยุคใหม่ เช่น การจัดการผลิตภาพด้วย AI เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) โดยหลักสูตรเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการเตรียมความพร้อมให้แรงงานไทยสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ
ประธานผู้แทนการค้าไทยและผู้บริหาร AIT ยังได้หารือถึงการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือในระดับนานาชาติ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของแรงงานไทย และผลักดันประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านแรงงานฝีมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการเพิ่มสัดส่วนของนักเรียนที่เข้าสู่การศึกษาอาชีวศึกษา (TVET) เพื่อสนับสนุนการผลิตแรงงานฝีมือที่ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ปัจจุบันมีนักเรียนไทยเพียง 30% ที่เข้าสู่ระบบนี้ ซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต
ประธานผู้แทนการค้าไทย ทิ้งท้ายว่า การ Upskills และ Reskills แรงงานไทย เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับแรงงานยุคดิจิทัล โดยการส่งเสริมให้แรงงานสามารถเรียนรู้และปรับตัวได้ตลอดชีวิตจะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับกำลังแรงงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน