เมื่อวันที่ 1 ส.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส. กทม. และเลขาธิการพรรค, นายชวลิต วิชัยสุทธิ์ ส.ส.นครพนมและรองหัวหน้าพรรค, นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ส.ส.มหาสารคาม, นายเกรียงศักดิ์ ฝ่ายสีงาม ส.ส.อุดรธานี, นายจตุพร เจริญเชื้อ, นางมุกดา พงษ์สมบัติ, นายภาควัตร ศรีสุรพล, นายสิงหภณ ดีนาง, น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร, นายวันนิวัตร สมบูรณ์, นายบัลลังก์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น และนายธนิก มาสีพิทักษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น ลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น รับฟังรายงานสถานการณ์น้ำที่เขื่อนอุบลรัตน์ พูดคุยกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวบางแสน 2 จากนั้นรับประทานอาหารเที่ยงพร้อมรับฟังความเห็นปัญหาของชาวบ้านที่วัดโพธิ์ชัย บ้านสระกุด ต.ม่วงหวาน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น

โดยระหว่างการลงพื้นที่มีผู้ประกอบการร้านอาหารที่บางแสน 2 มาร้องเรียนปัญหาเศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิด-19 ทำให้ลูกค้าลดลงจำนวนมากจากวันละ 10 โต๊ะเหลือแค่วันละ 1-2 โต๊ะ และมาตรการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ลงทะเบียนไปแล้วแต่ก็ยังมาไม่ถึง นักท่องเที่ยวที่มาทานอาหารไม่เพิ่มขึ้น แต่ร้านยังต้องแบกต้นทุนและค่าจ้างเท่าเดิม แม้ช่วงที่แจกเงินเยียวยา 5,000 บาทจะช่วยได้บ้างแต่ครบ 3 เดือนแล้วจำนวนลูกค้าก็ตกลงไปเหมือนเดิม ขณะที่ก่อนการสั่งปิดหาด ร้านก็สต็อกวัตถุดิบไว้จำนวนมาก ร้านก็ขาดทุน คุณหญิงสุดารัตน์จึงอยากขอเชิญชวนให้คนไทยหันมาเที่ยวไทยด้วยกันเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้มีการกระจายรายได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ 

ส่วนปัญหา ภัยแล้ง คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์จากกว่า 2,000 ล้าน ลบ.ม. ตอนนี้เริ่มติดลบและใช้น้ำก้นอ่างที่เหลือเพียง 300 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งถือว่าน้อยกว่าปีที่แล้ว และหากภายใน 2 สัปดาห์นี้ฝนไม่ตกก็จะเป็นปัญหา เกษตรกรอีสานเจอกับภัยแล้งมาเป็นปีที่ 3 สลับกับน้ำท่วม เพาะปลูกไม่ได้ ปีนี้หว่านข้าวไปในเดือน พ.ค. แล้วยืนต้นตาย และหว่านอีกรอบในปลายเดือนมิถุนายนก็ทำท่าจะยืนต้นตายอีกถ้าไม่มีฝนตกมาเพียงพอ ซึ่งทุกรอบชาวบ้านต้องกู้หนี้ยืมสินมาลงทุนหว่านข้าว พรรคจะผลักดันโครงการผันน้ำ ‘โขง-เลย-ชี-มูล’ เพิ่มพื้นที่ชลประทานในภาคอีสาน โดยการทำฝาย และแก้มลิงกักเก็บน้ำ และขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งพิจารณา เพราะภาคอีสานเป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ถ้าเราทำปัจจัยการผลิตให้เพียงพอคือน้ำ และพลิกหน้าดินเป็นเกษตรอินทรีย์ จากเกษตรกรที่คนมองเป็นภาระจะพลิกเป็นผู้หารายได้ให้ประเทศ การทำงบประมาณที่ผ่านมาไม่ใช่โครงการที่ยั่งยืน มีแต่งบประมาณขุดลอกหน้าน้ำ ทำให้วัดปริมาณขุดลอกไม่ได้ เปิดช่องทุจริต หมดเงินเป็นแสนล้าน แต่ไม่มีความยั่งยืนในการแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งให้กับประชาชน

นอกจากนี้ยังมีกำนันผู้ใหญ่บ้านมายื่นหนังสือว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐมาเรียกเก็บเงินจากชาวบ้านที่จะจุดสระไว้เก็บน้ำในพื้นที่ส่วนตัวอีกด้วย ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์รับหนังสือและมอบหมายให้ ส.ส. ในพื้นที่ดำเนินการต่อในสภาผู้แทนราษฎร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ‘สุดารัตน์’ ย้ำจริงใจเดินหน้าดีล 'ชัชชาติ' เป็นผู้ว่าฯ กทม. พร้อมเคารพการตัดสินใจ