พลโทพงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อม ส.ส.พรรค แถลงข่าวการยื่น ร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหารเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ (14 พ.ย. 2562) โดยมีเนื้อหาสำคัญคือ ให้เกณฑ์ทหารได้ในกรณีที่ จะมีภาวะสงคราม โดยคณะรัฐมนตรีออกเป็นพระราชกฤษฎีกา เกณฑ์ได้คราวละ 1 ปี ฝึกหลักสูตรเบื้องต้น 3 เดือนและหลักสูตรเข้มข้นอีก 3 เดือน ประเมินสถานการณ์อีก 6 เดือน หากมีสงครามก็ดำเนินการต่อไป
โดยมีอายุตั้งแต่ 18 ปี ถึง 40 ปี ให้มีวาระประจำการ 5 ปี และหากจะประจำการหรือรับราชการต่อ ต้องให้สอบคัดเลือกทุก 5 ปีเช่นกัน พร้อมกำหนดการเกษียณอายุที่ 45 ปี เพื่อความชำนาญและศักยภาพของกำลังพลและของกองทัพให้ทัดเทียมสากล โดยมีการเพิ่มเงินเดือนในอัตราพันโทราว 15,000-18,000 บาท ต่อเดือน สามารถสอบเป็นชั้นประทวนและสัญญาบัตรได้ โดยมีสวัสดิการครอบคลุมถึงครอบครัวด้วย
โดยในร่าง พ.ร.บ.ยังห้ามการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และห้ามนำทหารไปใช้งานในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับทหารและมีหน่วยรับผิดชอบศูนย์กลางไปตรวจสอบได้ทุกพื้นที่ ดูแลความปลอดภัยและมีกติกาแบบสากล และจะมีการนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ถูกเกณฑ์มาแล้วหนีทหาร ก่อนที่กฎหมายจะใช้บังคับหรือผู้ที่มี สด. 43 ก็จะเลิกใช้ เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปสมัครงานอีกต่อไป เนื่องจากมีแต่ผู้ที่จะสมัครใจเข้ามาเป็นทหาร
พลโทพงศกร ย้ำว่า การเปลี่ยนเพิ่มการฝึกเพื่อความชำนาญจาก 2 ปีเป็นประจำการ 5 ปี จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังพลจำนวนมาก แต่มีความสามารถความชำนาญ และยังใช้งบประมาณเท่ากับการเกณฑ์รูปแบบเดิม แต่จะมีงบประมาณเหลือไปพัฒนาด้านการศึกษา สวัสดิการและด้านอื่นๆ ของกำลังพลในกองทัพ ที่สำคัญคือ จะได้กองประจำการที่มีขีดความสามารถระดับสูง มีมาตรฐานเทียบได้กับสากล ขณะที่ปัจจุบัน มีชายไทยที่สมัครใจเป็นทหาร ปีละ 4-5 หมื่นรายอยู่แล้วด้วย
พร้อมกันนี้ เชิญชวนประชาชนรวมถึงพรรคการเมืองที่มีหลายพรรคช่วงหาเสียงเห็นพ้องว่า ควรจะยกเลิกการเกณฑ์ทหารที่ใช้มาเป็นร้อยปี ให้มาร่วมกันรณรงค์และผลักดันเรื่องนี้ โดยพรรคการเมืองอาจเสนอร่าง พ.ร.บ. มาควบคู่กันก็ได้ และย้ำว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบ การเกณฑ์ทหารของไทยแล้ว ซึ่งการเสนอร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางปฏิรูปกองทัพของพรรคอนาคตใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :