วันนี้ (9 มกราคม 2568) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 หน่วยงานหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ เพื่อส่งมอบของขวัญและความสุขให้กับเด็ก ให้ครอบครัวได้มีกิจกรรมทำร่วมกัน โดยผู้ปกครองต่างพาบุตรหลานไปร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลทำให้เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคติดต่อต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น และเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ หรือเกิดเหตุฉุกเฉินได้ เช่น การก่อการร้าย การทำร้ายร่างกายจากผู้ที่ไม่ประสงค์หวังดี เป็นต้น
นายอนุกูล กล่าวว่า รัฐบาลห่วงใยสุขภาพของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มเปราะบาง ซึ่งมีความไวต่อการสัมผัสเชื้อโรค ฝุ่นละอองขนาดเล็ก และสารเคมีอันตรายปนเปื้อนในเครื่องเล่นเด็กที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งอาจได้รับอันตรายจากเหตุก่อความรุนแรงรูปแบบต่าง ๆ หรือภาวะขาดอากาศจากพื้นที่แออัดในที่มีคนเข้ามาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก รัฐบาลได้เน้นย้ำให้หน่วยงานจัดงานวันเด็กแห่งชาติ สอดส่อง ดูแล ควบคุม กำกับ และมีมาตรการด้านความปลอดภัยในพื้นที่ คุมเข้มการปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และหมั่นล้างมือให้สะอาด รวมถึงมีการจัดการด้านสุขาภิบาล สุขอนามัย อนามัยสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการสุขาภิบาลอาหาร น้ำดื่ม ห้องส้วมสะอาดได้มาตรฐาน เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันโรคติดเชื้อจากแบคทีเรียและไวรัสต่าง ๆ นอกจากนี้ ในช่วงที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กมีค่าเกินมาตรฐาน พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรป้องกันตนเองและบุตรหลาน สวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองทุกครั้งเมื่ออยู่นอกอาคาร และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของเด็ก เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก หากมีอาการแสดง ให้รีบพาไปพบแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
ทั้งนี้ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะ 8 วิธี เที่ยวงานวันเด็กปลอดภัย เลี่ยงพื้นที่แออัด ลดเสี่ยงสุขภาพ ดังนี้
1) ฟังข่าวการแจ้งเตือนภัย
2) สวมหน้ากากตลอดเวลา
3) สังเกตหาทางออกพร้อมหนี
4) มีเบอร์โทรฉุกเฉิน
5) ประเมินตนเองและพกยาติดตัว
6) ที่แออัด น่ากลัวห้ามเข้า
7) เฝ้าระวัง วิ่งหนีถ้ามีสัญญาณ
8) เตรียมอาหาร น้ำดื่ม แบตสำรองให้พร้อม
ด้วยรักและห่วงใยน้อง ๆ เด็ก ๆ ทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติปีนี้ ขอให้ทุกครอบครัวที่พาบุตรหลานร่วมกิจกรรมดังกล่าว ปฏิบัติตนตามมาตรการของพื้นที่จัดงานอย่างเคร่งครัด ใส่ใจดูแลสุขภาพอนามัยของตนเองและเด็ก ๆ