ไม่พบผลการค้นหา
เศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปี 2561 และมีแนวโน้มจะยังไม่ฟื้นตัวในปี 2562 ของจีน ส่งผลกระทบต่อยอดขายแบรนด์หรูถ้วนหน้า

ปัจจุบันผู้บริโภคชาวจีนซื้อสินค้าหรูอาทิ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน กระเป๋า น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ มีการคาดการณ์ว่าสินค้าประเภทต่อไปที่จะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่น้อยลงของชาวจีนคือนาฬิกา

หุ้นของแบรนด์หรูในยุโรปพาเหรดกันตกลง หลังจากที่บริษัทแอปเปิลออกมาเปิดเผยปริมาณการขายโทรศัพท์ไอโฟนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 น้อยกว่าที่ตั้งเป้าไว้ เนื่องมาจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง

หุ้นในกลุ่ม แอลวีเอ็มเอช (แอลวีเอ็มยูวาย) ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์อย่าง เฟนดิ และ หลุยส์ วิตตอง ตกลงกว่าร้อยละ 3 ในขณะที่หุ้นของเบอร์เบอรี่ล่วงร้อยละ 5.8 ด้านหุ้นพีพีอาร์ยูวาย (PPRUY) ของบริษัท เคอริ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของ กุชชี ตกลงถึงร้อยละ 4 ปิดท้ายด้วยหุ้นของบริษัทผลิตนาฬิกาสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์อย่างสวอตช์ ที่โดนผลกระทบเช่นกัน โดยมูลค่าตกลงที่ร้อยละ 3

กำลังซื้อของผู้บริโภคชาวจีนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแม้สภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยมากนัก อย่างไรก็ตามผลกำไรของบรรดาแบรนด์หรูในช่วงปลายปี 2561 ไม่ได้จบอยู่ในแดนบวก ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวล

เหล่านักลงทุนหลายคนเชื่อว่า หากผู้บริโภคชาวจีนไม่อยากที่จะจ่ายเงินจำนวนมากให้กับไอโฟน ก็มีความเป็นไปได้ว่า นักช็อปปิงเหล่านี้จะไม่จ่ายเงินให้กับการซื้อของแบรนด์หรูอื่นๆ เช่นกัน

องค์กรควบคุมดูแลอุตสาหกรรมนาฬิกาของสวิส (The Federation of the Swiss Watch Industry) กล่าวว่า ยอดขายนาฬิกาในจีนลดลงอย่างเห็นได้ชัดในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา 

ด้านสถาบันเศรษฐกิจสวิส (The Swiss Economic Institute) ออกมาแสดงความกังวลเพิ่มเติมเมื่อวันพฤหัสบดี (3 มกราคม) ที่ผ่านมาว่า บรรดาผู้ผลิตนาฬิกาในประเทศลดประมาณการคำสั่งซื้อลงในช่วง 3 เดือนข้างหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

"ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การหดตัวลง (ของยอดซื้อสินค้าหรูในจีน) แต่อยู่ที่ขนาดกรหดตัว" เฟรวิโอ เซอร์เรดา นักวิเคราะห์จากธนาคารเพื่อการลงทุน เจฟเฟอรี่ กล่าว

เกิดอะไรขึ้นกับตลาดจีน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ แบรนด์สินค้าปลีกหรูต่างๆ ล้วนหันมาพากันพึ่งตลาดจีนเป็นหลัก ตามรายงานขององค์กรที่ดูแลสินค้าแบรนด์หรูของประเทศอิตาลี อัลตากัมมาร์ (Altagamma) นักช็อปปิงชาวจีนช็อปถึง 1 ใน 3 ของยอดซื้อสินค้าหรูทั่วโลก คิดเป็นมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ต่อปี หรือประมาณ 2.23 แสนล้านบาทต่อปี พร้อมคาดการณ์ต่อไปว่าภายในปี 2568 นักช็อปปิงชาวจีนจะช็อปปิงถึงครึ่งหนึ่งของยอดการช็อปปิงแบรนด์หรูทั้งหมด

"จีนของกุญแจ ดังนั้นความไม่แน่นอน(ของหุ้น)จึงเข้าใจได้" เซอร์เรดา กล่าว

นักช็อปปิงชาวจีนเริ่มหันหลังให้กับแบรนด์หรู หลังจากที่รัฐบาลจีนออกมาตรการปราบปรามคอร์รัปชันในปี 2555 โดยมาตรการนี้ส่งผลให้สินค้าหรูและนาฬิกาเป็นสินค้าต้องห้ามสำหรับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์และบรรดาผู้บริหารระดับสูง

อย่างไรก็ตามปัญหาที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่มาตรการต่อต้านคอร์รัปชันแต่เป็นการเติบโตของเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน

หลังจากทศวรรษแห่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เศรษฐกิจของจีนกำลังเผชิญหน้ากับการชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2561 แทบจะอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2533 และปี 2562 มีแนวโน้จะอ่อนแอลงอีก

รายงานของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น คาดการณ์ว่าภาคการผลิตของจีนจะหดตัวลงในปี 2562 ในขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์และความตึงเครียดจากสงครามการค้ายังคงเพิ่มสูงขึ้น

"ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงเนื่องจากความตึงเครียกของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ" เฮเลน แบรนด์ นักวิเคราะห์จาก ยูบีเอส กล่าว

บริษัทผู้ให้บริการด้านการเงินอย่าง ยูบีเอส คาดการณ์การเติบโตของยอดการซื้อสินค้าหรูในครึ่งปีหลังของปี 2561 ของจีน เติบโตที่ร้อยละ 10 แม้ตัวเลขยังอยู่ในแดนบวก แต่แท้จริงแล้วอัตราการเติบโตปรับลดลงถึงร้อยละ 16 จากครึ่งแรกของปี 2561 โดยเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินหยวนเป็นหลัก ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายในต่างประเทศน้อยลง 

อ้างอิง; CNN, Bloomberg