ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขอินเดียประกาศให้กรุงนิวเดลีอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินด้านมลพิษทางอากาศ หลังจากที่วัดค่ามลพิษในระดับอันตรายได้มากกว่า 400 ครั้ง และในบางพื้นที่มีค่ามลพิษสูงกว่า 900 จุด ซึ่งมากกว่า 25 เท่าตามกำหนดมาตราฐานขององ์การอนามัยโลก (WHO)
ส่วนแอปพลิเคชั่นวัดคุณภาพอากาศอย่าง AirVisual แสดงผลในวันจันทร์ (4 พ.ย.2562) ระบุว่า กรุงนิวเดลี ขึ้นแท่นเมืองที่มีมลพิษสูงที่สุดในโลกโดยอยู่ในระดับสูงถึง 505 จุด
ทั้งนี้ ทางรัฐบาลอินเดียได้ประกาศสั่งปิดโรงเรียน 12 แห่ง และมีการแจกหน้ากากอนามัย 5 ล้านชิ้นแก่เด็กนักเรียนในกรุงนิวเดลี ขณะที่เที่ยวบินหลายสายไม่สามารถลงจอดในสนามบินเดลีได้เนื่องจากหมอกควันกระทบสภาพการมองเห็น ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (3 พ.ย.2562) เที่ยวบินกว่า 30 เที่ยวบินต้องกลับลำกะทันหันเมื่อมาถึงสนามบินนิวเดลี
นอกจากนี้รัฐบาลอินเดียยังสั่งการให้หยุดการก่อสร้างทุกประเภทและจัดระเบียบการวิ่งของรถยนต์บนท้องถนนอีกด้วย โดยกำหนดจากเลขทะเบียนรถในการสลับวันวิ่งบนท้องถนน
ตามการสำรวจของรัฐบาลอินเดียระบุว่า นิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 18 ล้านคน และมีรถยนต์มากกว่า 8.8 ล้านคัน ขณะที่ในช่วงฤดูหนาว มลพิษจากรถยนต์และการเผาไหม้ของเกษตรกรนั้นก่อให้เกิดมลพิษทางอกาหศในระดับอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน
ชาวอินเดียในนิวเดลีหลายคนกล่าวว่า อยากให้รัฐบาลหามาตรการในการจัดการเรื่องมลพิษที่รุนแรงมากกว่านี้ โดยเฉพาะการหยุดต้นตอของปัญหาหลักอย่างการเผาไร่ข้าวโพด ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาภาพถ่ายจากดาวเทียมแสดงให้เห็นว่ามีการเผาไร่ข้าวโพดมากกว่า 3,000 ครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มลพิษในนิวเดลีเพิ่มขึ้นถึง 44 เปอร์เซ็นต์
ศูนย์วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมรายงานว่า มลพิษทางอากาศคร่าชีวิตเด็กในอินเดียเฉลี่ย 8.5 คน ต่อประชากรเด็ก 10,000 คน ขณะเดียวกันรายงานขององค์กรนานนาชาติระบุว่า อายุขัยเฉลี่ยของคนอินเดียลดลง 2- 3 ปี สืบเนื่องมาจากปัญหาทางด้านสุขภาพ
ที่มา CNN /The Guardian / India Today