ความคืบหน้าคดีพนักงานอัยการจังหวัดเลย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 7 สมาชิกกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด จังหวัดเลย ได้แก่ นางพรทิพย์ หงชัย 47 ปี นางวิรอน รุจิไชยวัฒน์ 47 ปี นางระนอง กองแสน 56 ปี นางมล คุณนา 40 ปี นางสุพัฒน์ คุณนา 47 ปี นางบุญแรง ศรีทอง 52 ปีและนางลำเพลิน เรืองฤทธิ์ 57 ปี ในคดีความผิดฐานไม่แจ้งการชุมนุม ร่วมกันชุมนุมกีดขวางทางเข้าออกและรบกวนการปฏิบัติงานสถานที่ทำการหน่วยงานของรัฐ ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะพ.ศ. 2558 มาตรา 8 มาตรา 10 และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 

จากกรณีเมื่อปี 2559 ชาวบ้านร่วม 200 คน จากบ้านนาหนองบง ได้รวมตัวกันที่สภาองค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวงในจังหวัดเลย เพื่อคัดค้านการต่ออายุหนังสือขออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติเพื่อทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัททุ่งคำ จำกัด ซึ่งประกอบกิจการเหมืองแร่ที่ต้องการใช้ที่ดินดังกล่าวในกิจการเหมืองแร่ ผู้ประท้วงยังเรียกร้องให้อบต.อนุญาตให้พวกเขามีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ

ล่าสุดเพจขบวนการอีสานใหม่ เผยแพร่ภาพสดผ่านเฟซบุ๊ก โดยทนายความระบุว่า ศาลจังหวัดเลยอ่านคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 7 คน ทั้งสองข้อกล่าวหา หลังศาลพิเคราะห์ว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้จัดการชุมนุม แต่เป็นการเข้ารับฟังการประชุมซึ่งจัดขึ้นโดยทางราชการ จึงถือว่าไม่เป็นความผิดฐานฝ่าฝืนพ.ร.บ.ชุมนุมฯ ส่วนข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น ศาลเห็นว่าคำเบิกความของฝ่ายโจทก์ ทำให้เชื่อได้ว่าจำเลยไปร่วมรับฟังกันเป็นไปโดยสงบ จึงถือว่าไม่มีความผิด

โดยก่อนหน้านี้องค์กรฟอร์ติฟายไรท์ ประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ยกฟ้องข้อกล่าวหาต่อผู้หญิงนักปกป้องสิ่งแวดล้อมทั้ง 7 คน ซึ่งเอมี สมิธ (Amy Smith) ผู้อำนวยการบริหารฟอร์ตี้ฟายไรต์ เห็นว่าคดีนี้ละเมิดสิทธิในการชุมนุมอย่างสงบในประเทศไทย และขัดกับเจตจำนงที่ประกาศไว้โดยรัฐบาล และศาลมีโอกาสยืนยันสิทธิขั้นพื้นฐานซึ่งได้รับการคุ้มครองทั้งตามกฎหมายไทยและระหว่างประเทศ โดยควรยกฟ้องคดีตามข้อกล่าวหาเหล่านี้ต่อผู้หญิงทั้งเจ็ดคน

ทั้งนี้ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ รัฐมีพันธกรณีต้องคุ้มครองสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบและการแสดงออก กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights-ICCPR) ซึ่งไทยเป็นรัฐภาคีและปฏิญญาว่าด้วยนักปกป้องสิทธิมนุษยชน คุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในระหว่างการทำงาน รวมทั้งสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบและการแสดงออก

ภาพ:จามร ศรเพชรนรินทร์