นายสมร แก้วประดิษฐ์กำนันตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น แสดงแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ที่ชี้แนวหลักเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยเปิดเผยว่า ชาวบ้านตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ไม่ต่ำกว่า 300 ครัวเรือน ถูกเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งอ้างว่ามาจากสำนักบริหารจัดการป่าไม้ที่ 7 จังหวัดขอนแก่น และเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติ แสดงตัวดำเนินคดีกับชาวบ้านโดยอ้างว่าบุกรุกป่าสงวน ซึ่งการดำเนินคดีดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากสำนักป่าไม้ที่ 7 รวมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เข้ามาปัก แนวแบ่งเขตแดน 

กำนันในพื้นที่ยืนยันว่า พื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ ปักแนวแบ่งเขตแดนและอ้างว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวน ชาวบ้าน ได้ใช้เป็นที่ดินทำกิน มากว่า 60 ปี และในอดีตเคยเป็นพื้นที่ สค.1 นับแต่ปี 2498 แต่เมื่อกระทรวงพลังงานจะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำอุบลรัตน์ จึงตัดสินใจเวนคืนที่ดินจากชาวบ้านทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งอยู่บนแนวเขตปักปันพื้นที่ใหม่ ซึ่งเดิมจะสามารถทำการเกษตร หรือเป็นที่ทำกิน กว่า 3,000 ไร่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ชาวบ้านจึงถูกดำเนินคดีไปแล้วอย่างน้อย 4 ราย และอาจถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกนับร้อยราย

กำนันตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่นำข้อกฎหมาย มากล่าวอ้าง ว่าชาวบ้านในพื้นที่บุกรุกที่ป่าสงวนและอาศัยเงื่อนไขดังกล่าวเข้ามาเรียกรับผลประโยชน์ เป็นเงินลายละ 20,000 บาท และเชื่อว่าเงินดังกล่าว ไม่ได้นำเข้ารัฐ แต่เจ้าหน้าที่ร่วมกันเพื่อแสวงหาประโยชน์นำไปใช้เป็นการส่วนตัว

สำหรับข้อเรียกร้องจากคนในพื้นที่ต้องการทราบความชัดเจนว่ารัฐ จะสามารถออกเอกสารสิทธิ์เพื่อเปิดช่องให้ประชาชนสามารถทำมาหากินหรือทำการเกษตรได้ เหมือนที่เคยทำมากว่า 60 ปีได้หรือไม่ เพราะปัจจุบันชาวบ้านในพื้นที่หลายร้อยครัวเรือนต้องทำมาหากินด้วยความหวาดระแวง เพราะกังวลว่าจะถูกเจ้าหน้าที่อาศัยช่องว่างของแนวเขตแดนใหม่ดำเนินคดีเพื่อเรียกรับผลประโยชน์

ทั้งนี้ กำนันตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ยืนยันว่ามีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอเสียงที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเรียกรับผลประโยชน์จากชาวบ้านโดยเตรียมดำเนินคดีให้ถึงที่สุด