อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย จากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และการประชุมผู้นำที่เกียวข้องตลอดระยะเวลา 4 วันที่ผ่านมา สังเกตได้ว่าแต่ละประเทศได้หยิบยกประเด็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 เป็นประเด็นหลักในการหารือร่วมกัน ดังนั้นรัฐบาลจึงอยากเสนอให้ประชาชนมีส่วนร่วมช่วยกันแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ หลังจากที่คนไทยทุกภาคส่วนร่วมมือกันควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี จนปัจจุบันประเทศไทยสามารถก้าวข้ามปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีในระดับที่น่าพอใจจนได้รับคำชมเชยจากนานาประเทศ และองค์กรต่างชาติมากมาย
อีกทั้ง ปัจจุบันรัฐบาลได้เร่งผลักดันการจัดหาวัคซีนผ่าน 3 แนวทางหลัก ได้แก่
1.สนับสนุนงบประมาณให้กับหน่วยงานวิจัยภายในประเทศ
2.จัดสรรงบประมาณสนับสนุนการร่วมผลิตวัคซีนกับต่างประเทศ
3.การจัดซื้อ เพื่อนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ยังต้องเร่งแก้ไข คือ ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งหลายมาตรการที่ดำเนินการแล้วประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน ทั้งโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ช้อปดีมีคืน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการอื่นๆ ที่กำลังจะออกมาเพิ่อเร่งต่อยอดเศรษฐกิจและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในทุกระดับชั้น โดยรัฐบาลได้ย้ำให้แต่ละหน่วยงาน ทำการตรวจสอบและดูแลแต่ละโครงการให้ประโยชน์ถึงมือพี่น้องประชาชนมากที่สุด
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแสดงความคิดเห็นต่างทางการเมืองว่า รัฐบาลไม่คิดปิดกั้น การแสดงออกทางการเมือง เพียงแต่อยากเห็นการชุมนุมเป็นไปในทางสร้างสรรค์ เคารพกฎหมาย และไม่ขัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามของไทย
สิ่งที่รัฐบาลเป็นกังวลอย่างมากคือการสื่อสารในโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีการเผยแพร่ข่าวปลอม หรือการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร (Fake News) และจากการตรวจสอบพบว่ามีปริมาณค่อนข้างมาก อีกทั้งยังมีการเสียดสีกลุ่มประชาชนผู้มีความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งจะยิ่งทำให้กลุ่มต่างๆ เกิดความขัดแย้ง การเข้าใจผิด และอาจเกิดปัญหาบานปลายได้
รัฐบาลจึงอยากขอเชิญชวนกลุ่มผู้เห็นต่างทุกกลุ่ม ร่วมกันนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาด้านอื่นนอกเหนือจากประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะการนำเสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในมาตรการหรือโครงการต่าง ๆ
รัฐบาลขอยืนยันว่า รัฐบาลยินดีและพร้อมรับฟังข้อเสนอ ข้อเรียกร้องที่สามารถนำมาเป็นแนวทางให้ประเทศไทยสามารถก้าวผ่านวิกฤตเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ หากแนวคิดใดที่เป็นข้อเสนอที่ดีและเหมาะสม รัฐบาลก็พร้อมนำมาปฏิบัติเพิ่อให้เกิดเป็นรูปธรรมและพร้อมผลักดันเพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกคน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังย้ำว่า ข้อเรียกร้องต่างๆ รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องดำเนินการด้วยกลไกของรัฐสภาตามระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งน่าจะเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามระบบนิติรัฐ นิติธรรม ซึ่งรัฐบาลหวังให้มีแนวทางการแก้ปัญหาที่ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในวงกว้าง และหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่โดยรวม