โดนัลด์ ทัสก์ ประธานรัฐสภายุโรปกล่าวว่า การเลื่อนเบร็กซิตครั้งนี้เป็นการเลื่อนกำหนดการแบบยืดหยุ่น โดยใช้คำว่า 'Flextension' หมายความว่า อังกฤษสามารถออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปเมื่อไหร่ก็ได้จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 2020 นี้ หากรัฐสภารับรองข้อตกลงเบร็กซิตแล้ว โดยการเลื่อนกำหนดการเบร็กซิตจะมีผลบังคับใช้ เมื่ออังกฤษตกลงอย่างเป็นทางการ และมีการออกหนังสืออย่างเป็นทางการไปยังสมาชิกอียู 27 ประเทศ ซึ่งน่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 29 หรือ 30 ต.ค.นี้

ตามกำหนดการเดิม อังกฤษจะต้องออกจากการเป็นสมาชิกอียูในวันที่ 31 ต.ค.นี้ แต่บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จำเป็นต้องทำแล้วขอเลื่อนกำหนดการออกไป เนื่องจากรัฐสภาอังกฤษยังไม่สามารถรับรองข้อตกลงเบร็กซิตกันได้ แม้ก่อนหน้านี้ จอห์นสันจะประกาศว่าอังกฤษจะออกจากอียูภายในเดือนนี้ไม่ว่าจะได้ข้อตกลงกับอียูหรือไม่

การประกาศเลื่อนเบร็กซิตออกมาเพียงไม่นานก่อนที่สมาชิกรัฐสภาอังกฤษกำลังจะลงมติว่าจะจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดในวันที่ 12 ธ.ค. ตามที่จอห์นสันเสนอ ขณะที่พรรค SNP และพรรคเสรีประชาธิปไตยเสนอให้จัดการเลือกตั้งวันที่ 9 ธ.ค. แต่พรรคแรงงานประกาศว่าจะไม่โหวตรับรองการเลือกตั้ง หากรัฐบาลไม่ไม่ตกลงที่จะตัดตัวเลือกการออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลง หรือ no deal

นอร์แมน สมิธ รองบรรณาธิการโต๊ะการเมืองของสำนักข่าวบีบีซีมองว่า การเลื่อนกำหนดการเบร็กซิตครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลงเบร็กซิตไม่อยู่ในตัวเลือกอีกต่อไป อย่างน้อยก็จนถึงวันที่ 31 ม.ค.นี้ ซึ่งจะยิ่งกดดันสภาล่างอังกฤษให้ถกเถียงกับเรื่องข้อตกลงเบร็กซิตกันต่อ 

ขณะเดียวกัน การเสนอให้มีการเลือกตั้งทั้งที่ยังไม่สามารถจัดการเรื่องเบร็กซิตได้สำเร็จจะทำให้จอห์นสันเสียเปรียบ เพราะแม้จะช่วยซื้อเวลาออกไปได้ แต่ก็ทำให้เกิดความไม่แน่นอน จอห์นสันจำเป็นต้องหาเสียงเลือกตั้งโดยที่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่สามารถทำตามนโยบายที่เคยสัญญาไว้ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม

อย่างไรก็ตาม โฆษกของจอห์นสันกล่าวว่า จอห์นสันไม่คิดว่าต้องขอโทษที่ไม่สามารถพาอังกฤษออกจากอียูได้ โดยมองว่าควรโทษรัฐสภามากกว่า เพราะรัฐสภาไม่ควรนำประเทศมาสู่จุดนี้ ควรจะเบร็กซิตได้ในวันที่ 31 ต.ค.มากกว่า

ที่มา : BBC, The Guardian

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

• สรุป: อังกฤษพักประชุมสภาเกี่ยวกับเบร็กซิตยังไง