ไม่พบผลการค้นหา
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (2 ต.ค.) คณะผู้แทนของรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป เดินทางเยือนกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนโดยไม่แจ้งกำหนดการล่วงหน้า เพื่อเสนอภาพความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และตอกย้ำการสนับสนุนของสหภาพยุโรป สำหรับการต่อสู้ของยูเครนจากการรุกรานของรัสเซีย ซึ่งเป็นการที่สหภาพยุโรปได้ขจัดคำถามที่ว่า พวกเขาจะยังคงมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือยูเครนในระยะยาวหรือไม่ เนื่องจากความแตกแยกในประเด็นดังกล่าวนี้ เริ่มก่อตัวขึ้นในสหรัฐฯ และยุโรปเอง

“สหภาพยุโรปยังคงเป็นหนึ่งเดียวในการสนับสนุนยูเครน… ผมไม่เห็นประเทศสมาชิกใดลดการมีส่วนร่วมของพวกเขา” โจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป กล่าวกับผู้สื่อข่าว โดยบอร์เรลล์อธิบายว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมครั้ง “ประวัติศาสตร์” แต่ระบุชัดเจนว่า สหภาพยุโรปจะไม่มีการประกาศมาตรการที่เป็นรูปธรรมใหม่ๆ 

“นี่เป็นครั้งแรกที่เราพบกันในประเทศผู้สมัคร (ขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป) และน่าเสียดายที่นี่เป็นครั้งแรก ที่รัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปพบกัน ในประเทศที่อยู่ในภาวะสงคราม” หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปกล่าวในงานแถลงข่าว

โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ระบุกับเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปว่า ระยะเวลาของสงคราม ซึ่งขณะนี้เข้าสู่เดือนที่ 20 นั้น เชื่อมโยงกับคุณภาพและปริมาณการสนับสนุน ที่ยูเครนได้รับจากพันธมิตร “ชัยชนะของเราโดยตรงขึ้นอยู่กับความร่วมมือของเรา ยิ่งเราดำเนินการตามขั้นตอนที่เข้มแข็ง และมีหลักการมากเท่าไร สงครามก็จะยุติเร็วขึ้นเท่านั้น” เซเลนสกีกล่าวในแถลงการณ์

ทั้งนี้ เพื่อยุติการสู้รบอย่างรวดเร็ว เซเลนสกีเรียกร้องให้สหภาพยุโรปขยายการคว่ำบาตรต่อรัสเซียและอิหร่าน ซึ่งได้จัดหาโดรนโจมตีให้กับกองกำลังรัสเซีย นอกจากนี้่ ประธานาธิบดียูเครนยังเรียกร้องให้มี “การเร่งรัด” ในการทำงานโดยตรง เพื่อควบคุม “ทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด เพื่อเป็นเงินทุนในการฟื้นฟูยูเครนที่เสียหายจากสงคราม”

การประชุมในกรุงเคียฟครั้งนี้ จัดขึ้นท่ามกลางสัญญาณที่เพิ่มมากขึ้นว่า การสนับสนุนของชาติตะวันตกในการให้ความช่วยเหลือยูเครน กำลังเกิดความแตกแยกกันมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ในสหรัฐฯ นั้น กลุ่มอนุรักษ์นิยมฝ่ายขวาเริ่มแสดงความเห็นโจมตีการสนับสนุนยูเครนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มากขึ้น 

นอกจากนี้ อดีตนายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย ผู้สัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือยูเครน “ไม่แม้แต่ครั้งเดียว” สามารถนำพรรคของเขาไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา วิกตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี ได้เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ยูเครนมากขึ้นจากเดิม และกล่าวว่าฮังการีไม่เร่งรีบที่จะอนุมัติการเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ของสวีเดน

บางประเทศในกลุ่มซีกโลกใต้ยังวางตัวนิ่งเฉย กับความพยายามของประเทศต่างๆ อาทิ สหรัฐฯ ในการร่วมใจเพื่อการสนับสนุนยูเครน ในขณะที่ประเทศซีกโลกใต้ต่างได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามยูเครน และตั้งข้อสงสัยว่าพวกเขาจะถูกบังคับให้เลือก ระหว่างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับชาติตะวันตกหรือรัสเซีย

ในขณะที่สงครามยูเครนกำลังดำเนินต่อไป กลุ่มผู้สนับสนุนยูเครนต่างรู้สึกกังวลว่า รัฐบาลและผู้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละประเทศ อาจหมดความสนใจในการหาทางออกแก่ความขัดแย้ง และละทิ้งคำมั่นสัญญาที่จะให้การสนับสนุนทางทหารและเศรษฐกิจที่จำเป็นแก่ยูเครน เพื่อต่อต้านยการรุกรานของรัสเซีย

อย่างไรก็ดี ทั้งในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป การสนับสนุนความช่วยเหลือแก่ยูเครนยังคงมีอยู่ในวงกว้าง “พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันส่วนใหญ่ วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ส่วนใหญ่สนับสนุนการช่วยเหลือยูเครน และการรุกรานอันโหดร้ายกดดันพวกเขาโดยรัสเซีย” โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (1 ต.ค.) เพื่อเป็นการช่วยเหลือยูเครน ในการเจรจาของรัฐสภาเพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์รัฐบาล ผ่านมาตรการการใช้จ่ายระยะสั้น ซึ่งไม่รวมถึงงบสนับสนุนยูเครน


ที่มา:

https://www.aljazeera.com/news/2023/10/2/eu-dismisses-doubts-over-long-term-commitment-to-ukraine-in-kyiv-meeting?fbclid=IwAR3aaJcp8kG4jjmnBbpbbJQBmCEsjn1CRqx-ka4LhCSdVnSzlJtTXDp0RSA