ไม่พบผลการค้นหา
นลินี ผู้แทนการค้าไทย เปิดงาน Thailand International Mega Fair 2024 งานแสดงสินค้าและบริการไทยที่ใหญ่ที่สุดในซาอุฯ ชูสินค้าและบริการของไทยมีคุณภาพสูงตอบโจทย์ผู้บริโภคตะวันออกกลาง ชี้ซาอุฯ เป็นประเทศแห่งโอกาสสำหรับภาคเอกชนไทย พร้อมสานต่อภารกิจนำคณะนักธุรกิจไทยเยือนซาอุฯต่อไป

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ดร. นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย ได้เป็นประธานฝ่ายไทยในการกล่าวเปิดงาน Thailand International Mega Fair 2024 ณ Riyadh International Convention and Exhibition Center (RICEC) กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย โดยมี นาย Saad Alkassabi ประธาน Saudi Standards, Metrology and Quality Organization เป็นประธานฝ่ายซาอุดีอาระเบีย และมีผู้แทนระดับสูงจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของทั้งสองประเทศเข้าร่วม อาทิ นายดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูตไทยประจำซาอุดีอาระเบีย นายกลินท์ สารสิน ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ตลอดจนนายโมฮัมเหม็ด อับดุลอาซิซ อัลอับดุลจับบาร์ ผู้ว่าการสำนักงานคณะกรรมการการค้าต่างประเทศ (GAFT) และนายฮาซัน มูเจ็บ อัลฮูไวซี ประธานสภาธุรกิจซาอุดี-ไทย 

ดร. นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า งาน Thailand International Mega Fair 2024 เป็นงานแสดงสินค้าและบริการของไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในซาอุฯ จัดแสดงสินค้าและบริการของไทยใน 9 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าสุขภาพ การบริการทางการแพทย์ การเกษตรอัจฉริยะ นวัตกรรม การท่องเที่ยว การก่อสร้าง และสินค้าไลฟ์สไตล์ ซึ่งตนเชื่อว่าสินค้าและบริการของไทยมีคุณภาพสูงและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวซาอุดีอาระเบียและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลางได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ งานในวันนี้ยังเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการไทยและต่างชาติจะได้พบปะเจรจากับนักธุรกิจ ผู้นำเข้าสินค้า ตัวแทนจำหน่าย รวมถึงกลุ่ม Modern Trade ในซาอุดีอาระเบียและตะวันออกกลาง เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและขยายศักยภาพไปสู่ภูมิภาคตะวันออกกลางต่อไป รวมทั้งเป็นการส่งเสริม Soft power ของไทยไปสู่สายตาผู้เข้าร่วมงาน ผ่านการแสดงวัฒนธรรมไทยภายในงาน ทั้งนี้ งาน Thailand International Mega Fair 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 - 17 พฤศจิกายน 2567 มีผู้ร่วมแสดงงานกว่า 200 บริษัท และคาดว่ามีผู้เข้าชมงานกว่า 12,000 คน

IMG_20241116105008000000.jpg

ผู้แทนการค้าไทย เสริมว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศแห่งโอกาสสำหรับภาคเอกชนไทยอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นจากแผนวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ. 2030 ที่เป็นการเปิดโอกาสเพิ่มเติมให้นักลงทุนไทยในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในธุรกิจการก่อสร้าง พลังงานทดแทน ธุรกิจบริการ และธุรกิจด้านการท่องเที่ยว หรือจากจำนวนประชากร ที่มีมากถึง 35 ล้านคน ตลอดจนการเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญของไทย โดยเฉพาะปุ๋ยและปิโตรเลียม นอกจากนี้ ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ไทยและซาอุดีอาระเบียมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น โดยเฉพาะในช่วงหลังจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต ที่ทั้งสองประเทศได้มีการเดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ส่งผลให้โอกาสทางธุรกิจสำหรับทั้งสองฝ่ายเปิดกว้างมากขึ้น และการค้าทวิภาคีระหว่างไทย-ซาอุในปี 2566 มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 40% 

ดร. นลินี ทิ้งท้ายว่า ตนในฐานะผู้แทนการค้าไทย พร้อมดำเนินการขับเคลื่อนและสนับสนุนการเพิ่มการความร่วมมือด้านการค้าระหว่างสองประเทศอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการนำคณะนักธุรกิจจากไทยในภาคส่วนต่าง ๆ มาเยือนซาอุดีอาระเบียเพื่อทำกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ต่อไป