'ก่อแก้ว พิกุลทอง' สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการออกมาคัดค้าน "พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์" ที่รัฐบาลจะผลักดันเพื่อเป็น แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่สร้างงาน และสร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยระบุว่า
กลุ่มขาประจำที่เคลื่อนไหวทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง ยังคงพยายามสร้างกระแสต่อต้านรัฐบาลในทุกประเด็น ล่าสุดได้เคลื่อนไหวคัดค้านร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งมีกำหนดเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในวันที่ 9 เมษายนนี้ โดยพยายามตีความและนำเสนอว่าเป็นการเปิดเสรีคาสิโน
เอาข้อเท็จจริงมาคุยกันก่อนครับว่า
1.ร่างกฎหมายฉบับนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์เพื่อการท่องเที่ยว โดยตั้งเป้าหมายให้เกิดการลงทุนในแต่ละโครงการไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท รวม 5 แห่งทั่วประเทศ รวมมูลค่าประมาณ 500,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยสร้างการจ้างงานประมาณ 50,000–100,000 คนต่อปี หลักๆสร้างงานให้ลูกหลานเรานี่แหละ รวมถึงเสริมศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยในระดับสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางแบบครอบครัว ซึ่งปัจจุบันหันไปยังประเทศที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แม้จะด้อยกว่าไทยในจุดอื่น ๆ ก็ตาม
2.การกำหนดให้ผู้ดำเนินโครงการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาทต่อบริษัท เป็นเครื่องยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาลว่ามิได้มีเป้าหมายเพียงเพื่อเปิดคาสิโน เพราะหากต้องการทำเพียงเท่านั้น การลงทุนระดับหลักสิบล้านบาทก็สามารถดำเนินการได้แล้ว ดังที่ปรากฏในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ตรงนี้สำคัญมาก
รัฐบาลชุดนี้มีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของไทยให้เทียบเท่าประเทศอื่น ๆ โดยมุ่งหวังให้เกิดรายได้เข้าประเทศในหลายมิติ เช่น ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต รายได้จากภาษีสินค้าระหว่างการก่อสร้าง ภาษีเงินได้จากแรงงาน และภาษีที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการโรงแรม ร้านค้า และบริการต่าง ๆ ที่จะเติบโตตามจำนวนนักท่องเที่ยว
การโจมตีโครงการนี้ด้วยการให้ข้อมูลด้านลบด้านเดียว พร้อมไปกับบิดเบือนข้อเท็จจริง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ทั้งที่เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาการพนันและการค้าบริการทางเพศที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ในกรุงเทพฯ ที่ปรากฏอย่างเปิดเผยมาเป็นเวลานาน และ 'หวยใต้ดิน'ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยมาอย่างยาวนาน
'ภาษีบาป' ที่ควรจัดเก็บเพื่อพัฒนาสวัสดิการสังคม กลับตกไปอยู่ในมือของกลุ่มผู้มีอำนาจหรือบุคคลบางกลุ่มแทน
ทุกครั้งที่มีความพยายามจะนำธุรกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบที่ถูกกฎหมาย ก็มักจะมีผู้ที่ไม่ยอมรับความเป็นจริงของสังคมไทยออกมาคัดค้านอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการคัดค้านร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ในครั้งนี้ เข้าใจได้ว่าอาจมีหลายท่านที่ยังไม่ได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนและรอบด้าน แต่อีกด้านหนึ่งก็อดตั้งข้อสังเกตไม่ได้ว่า บางกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว อาจมีแรงจูงใจทางการเมือง หรือมีความสัมพันธ์กับผลประโยชน์ของประเทศคู่แข่งที่ไม่ต้องการเห็นไทยรุดหน้าในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวหรือไม่?
หรือในบางกรณี การคัดค้านอาจไม่ได้เกิดจากเนื้อหา หากแต่เป็นเพราะอคติที่มีต่อพรรคเพื่อไทย ไม่ว่านโยบายใดก็ตาม หากไม่ได้มาจากฝ่ายตนเอง ก็จะถูกป้ายสีว่าเป็นสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องทันทีอย่างไม่มีเหตุใดๆมารองรับ