ไม่พบผลการค้นหา
เกษตรกรโคนม อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เสียใจ หลังเห็นวัวที่ตัวเองเลี้ยงไว้ล้มตาย โดยในเบื้องต้นคาดว่าเกิดจาก "โรคปากเท้าเปื่อย" ที่เคยระบาดหนักมาแล้วเมื่อ 2-3 ปีก่อน วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและเร่งแก้ไขปัญหาด้วย

วันที่ 13 ม.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี หลังทราบข่าวว่ามีโคนมเป็นโรคระบาดปากเท้าเปื่อย ตายกันร่วม 100 ตัว พบชาวบ้านผู้เลี้ยงโคนมบางคน บอกว่า รู้สึกเสียใจมากเมื่อต้องเห็นวัวที่เลี้ยงไว้ขาดใจตายลงต่อหน้าต่อตา โดยที่ยังไม่รู้สาเหตุที่ชัดเจน แต่สันนิษฐานว่าเป็นโรคปากเท้าเปื่อย ซึ่งเคยระบาดหนักมาแล้วในพื้นที่ ต.ลำพญากลาง เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นมาตรวจสอบและแก้ไขปัญหาดังกล่าว และรวมถึงให้คำแนะนำกับผู้เลี้ยงโคนม สร้างความเข้าใจ ร่วมกันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 

ซึ่งในวันเดียวกันนั้น มีเกษตรกรที่เลี้ยงโคนม ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดปากเท้าเปื่อย จำนวนนับ 10 คน เตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสื่อต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้หาทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเป็นการด่วน 

ด้านนายศรีพนม สวาทกลาง ผู้เลี้ยงโคนม อยู่ที่ ต.ลำพญากลาง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เล่าให้ฟังว่า ตนเองเคยทำไร่ข้าวโพดแต่รายได้ไม่ดี จึงหันมาเลี้ยงโคนมตั้งแต่ พ.ศ.2527 จนถึงปัจจุบัน ได้มีวัวเลี้ยงอยู่ร่วม 250 กว่าตัว มีบริเวณเลี้ยงประมาณ 30 ไร่ พร้อมที่อยู่อาศัย จนมาถึงวันที่ 2 ธ.ค. 2562 เริ่มมีวัวไม่สบาย ซึ่งน่าจะติดโรคระบาดปากเท้าเปื่อยใน ต.ลำพญากลาง และบางวันมีวัวล้มตายวันละ 4-5 ตัว  ตนเองได้ช่วยดูแลและฉีดยา ช่วยทุกอย่าง แต่ก็ช่วยไม่ได้ จนกระทั่งวัวล้มตายรวมแล้ว 19 ตัว เป็นจำนวนเงินกว่า 600,000 บาท 

ทั้งนี้ตนเองเสียใจ เพราะวัวที่ตายเป็นตัวเมียที่มีราคาถึง 50,000 บาท แต่ต้องกับมาขายในราคาที่ต่ำ ส่วนตัวผู้ขายได้ 1,000 - 2,000 บาท และตัวเมียที่ท้องได้ประมาณ 7,000 - 8,000 บาท แต่ไม่คุ้มกับค่าเลี้ยงดู จากการที่รีดนม ตามปกติทุกวันจะรีดได้ ตัน 3 ต่อวัน แต่พอติดโรคระบาด ลดเหลือ 360 กิโลกรัมต่อวัน ที่จะเอาไว้ขายวันต่อวัน แต่ตอนนี้ทั้งหมดเหลือนมอยู่แค่ 800 กิโล 

ส่วนผู้ที่มาซื้อนมถ้ารู้ว่า บ้านไหนติดเชื้อโรคระบาดปากเท้าเปื่อย ก็จะใช้วิธีนำยามาตรวจแกว่งในนม ถ้าน้ำนมเหนียวเป็นเม็ด เขาก็ไม่รับซื้อ เขาถือว่าเป็นโรคปากเท้าเปื่อย ก็ต้องนำน้ำนมดังกล่าวไปทิ้ง แต่ถ้านมดีเขาก็รับซื้อไป ส่วนวัวที่ตายของชาวบ้าน ที่ ต.ลำพญากลางทั้งหมด 56 ตัว ได้ขายให้กับผู้รับซื้อ

ในตอนท้าย นายศรีพนม มีความต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยซื้อวัวที่ตายแล้ว ของผู้เลี้ยง ถ้าไปขายให้โรงฆ่าสัตว์ และโรงฆ่าสัตว์เอาไปขายเนื้อต่อ มันจะมีปัญหาการบริโภคกับประชาชนที่ซื้อไป แต่คนซื้อเขาเต็มใจซื้อ ตนก็ต้องจำใจขาย หากครั้งหน้าเกิดโรคระบาดตนก็อยากให้รัฐบาลเป็นผู้ซื้อ

แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะต้องลงพื้นที่ไป ที่ หมู่ 18 ต.ลำพญากลาง อ.หมวกเหล็ก จ.สระบุรี เพื่อจะปูพรมแก้ไขปัญหาโรคระบาดปากเท้าเปื่อยให้หมดสิ้นไป จึงขอความร่วมมือจากผู้ที่เลี้ยงโคนมทุกคนให้ช่วยเหลือตามที่เจ้าหน้าที่บอก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง