นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงาน Business Luncheon ภายใต้หัวข้อ “Unlocking New Horizons: Hong Kong and Greater Bay Area as a Hub for Global Business and Finance” จัดโดยสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง (HKETO) ร่วมกับสมาคมการค้าไทย-ฮ่องกง ณ ห้อง Pavilion Ballroom โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีผู้แทนระดับสูงจากฮ่องกงและจีนเข้าร่วม อาทิ Mr. Jiang Wei อัครราชทูตที่ปรึกษา (กิจการเศรษฐกิจการพาณิชย์) Ms. Maisie Chan กรรมาธิการเพื่อการพัฒนาเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า Mr. Joseph Chan รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงบริการการเงินและการคลัง และ Mr. Parson Lam ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง ประจำกรุงเทพฯ
นายพิชัย กล่าวว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งระหว่างไทยและฮ่องกง โดยเฉพาะบทบาทของ เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Greater Bay Area: GBA) ที่กำลังกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลก ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยและฮ่องกงสามารถร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการค้า โดยฮ่องกงเป็นคู่ค้าอันดับที่ 12 ของไทย ในปี 2567 มูลค่าการค้าระหว่างกันสูงถึง 17.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 24.3% จากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ข้อตกลงทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ เช่น ความตกลงเพื่อการเลี่ยงการเก็บภาษีซ้อน (Agreement for the Avoidance of Double Taxation) และความตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน (Agreement for the Promotion and Protection of Investment) รวมถึง ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง (AHKFTA) มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน และที่สำคัญยังมีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมกว่า 30% ของ GDP และประชากรโลก จะช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจในภูมิภาคได้เป็นอย่างดี
รัฐบาลไทยนำโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจและการค้า โดยมุ่งส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมสำคัญ และอยากให้ฮ่องกงเข้ามาร่วมมือกับไทยในการพัฒนาศูนย์กลางทางการเงิน ใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของฮ่องกงและความพร้อมของไทยในด้านต้นทุนดำเนินธุรกิจที่ต่ำ แรงงานที่มีทักษะ และโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2567 มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี การส่งออกขยายตัว 5.4% และในเดือนธันวาคม 2567 เพียงเดือนเดียว การส่งออกขยายตัวสูงถึง 8.7% และในปี 2567 มูลค่าการส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 1.13 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี และเรามุ่งผลักดันข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับหลายประเทศ โดยล่าสุดได้ลงนาม FTA ไทย-เอฟตา เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งถือเป็น FTA ฉบับแรกระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศยุโรป และจะเร่งเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป (EU) และกับอีกหลายประเทศ เช่น อิสราเอล ภูฏาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เกาหลีใต้ แคนาดา และสหราชอาณาจักร เป็นต้น
นายพิชัย ระบุเพิ่มเติมว่า ฮ่องกงมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงจีนกับตลาดโลก และเป็นศูนย์กลางด้านการค้า การเงิน และบริการระดับภูมิภาค ในขณะที่ไทยสามารถเป็นประตูสู่ตลาดอาเซียน สำหรับฮ่องกงและจีนได้ กระทรวงพาณิชย์พร้อมให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไทยและฮ่องกงในการแสวงหาโอกาสความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนให้เติบโตอย่างยั่งยืน