นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งหมด 82 แห่งที่ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1 แห่ง และหุ้นกู้ 81 แห่ง และใน 82 สหกรณ์นี้มีทรัพย์สินรวมกันทั้งสิ้น 1.17 ล้านล้านบาท
ขณะที่ มีการถือหุ้นกู้การบินไทยรวมกันทั้งสิ้น 42,299 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 3.62 โดยทั้ง 82 สหกรณ์เป็นสหกรณ์ฐานะดี ชั้นหนึ่ง และเงินลงทุนเป็นเงินรับฝากและเงินหุ้นของสมาชิกทั้งสิ้น ไม่ใช่กู้จากที่อื่นๆ มาลงทุน
อีกทั้งมีสหกรณ์ที่ลงทุนหุ้นกู้ต่อสินทรัพย์เกินร้อยละ 10 เพียง 7 แห่งจาก 82 แห่ง จากสัดส่วนสูงสุดร้อยละ 15.7 ซึ่งสะท้อนว่า ไม่มีนัยยะ ที่จะกระทบต่อฐานะของสหกรณ์
โดยหุ้นกู้มูลค่ากว่า 42,000 ล้านบาทนี้ มีกำหนดครบชำระตั้งแต่ปี 2563-2577 โดยในปีนี้ (2563) มี 21 สหกรณ์ที่มีหุ้นกู้การบินไทยที่ถืออยู่จะครบกำหนดชำระเงิน มูลค่ารวมกันกว่า 1,000 ล้านบาทในช่วงเดือน ส.ค. - ก.ย. 2563
ขณะเดียวกัน ในจำนวนนี้มีเพียง 15 สหกรณ์ที่มีอัตราส่วนสภาพคล่องต่อเงินฝากที่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่า จะไม่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องในระยะยาว ไม่กระทบต่อฐานะการเงินของสหกรณ์ แต่อาจกระทบสภาพคล่องระยะสั้น เนื่องจากหลายวันที่ผ่านมา ผู้ฝากตกใจจึงแห่ไปถอนเงิน แต่ 1-2 วันนี้ก็เข้าสู่ภาวะปกติ ไม่มีนัยยะใดๆ
ขณะที่ ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (19 พ.ค.) ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ทำ 2 เรื่อง ได้แก่ หนึ่งให้สื่อสารทำความเข้าใจและบริหารจัดการไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องของสหกรณ์ต่างๆ และ สอง ให้คุ้มครองผลประโยชน์ของสหกรณ์ที่ลงทุนในหุ้นสามัญและหุ้นกู้ของการบินไทย
ดังนั้น หลังจากนี้ เมื่อการบินไทยและกระทรวงคมนาคมดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายเพื่อให้ฟื้นฟูกิจการและศาลรับคำร้องขอ การบินไทยในฐานะลูกหนี้จะได้รับคุ้มครองให้เข้าสู่สภาวะการพักชำระหนี้ หรือ Automatic Stay เมื่อถึงขั้นนั้น กรมส่งเสริมสหกรณ์ก็ได้เตรียมการจะเชิญประชุม 82 สหกรณ์เจ้าหนี้การบินไทย (ในฐานะผู้ถือหุ้นกู้การบินไทย) เพื่อหารือแนวทางที่สหกรณ์จะได้ประโยชน์มากที่สุด
กระทั่งเมื่อศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและตั้งผู้ทำแผน กรมส่งเสริมสหกรณ์จะประสานดำเนินการให้ทั้ง 82 สหกรณ์ยื่นขอรับชำระเงินคืนจากการบินไทยพร้อมกันทีเดียว พร้อมกับจัดกลุ่มเจ้าหนี้ รวมถึงประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้ที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติเสียงข้างมากยอมรับแผนฯ
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้วางแนวทางเจรจาขอรับชำระหนี้ไว้ 4 แนวทาง ได้แก่
หนึ่ง กรณีรับชำระต้นเงินทั้งจำนวน ที่จะครบกำหนดชำระภายในปี 2563-2577 ก็จะไม่กระทบอะไรเลย ทั้งต้นเงิน สภาพคล่องและฐานะทางการเงินของสหกรณ์
สอง กรณีรับชำระต้นเงินทั้งจำนวน แต่ขยายหนี้ หรือปรับงวดการชำระหนี้ใหม่ให้ยาวขึ้น แนวทางนี้อาจมีผลกระทบต่อสภาพคล่องบ้างในบางสหกรณ์ แต่จะไม่มีผลกระทบต่อต้นเงิน ฐานะการเงิน แต่อาจมีผลกระทบกับการดำเนินงานในส่วนที่เป็นรายได้จากดอกเบี้ยของสหกรณ์
สาม กรณีแฮร์คัต (ตัดหนี้สูญ) บางส่วน และชำระตามกำหนด แนวทางนี้จะมีผลกระทบต่อฐานะการเงินของสหกรณ์ในส่วนที่ต้องตัดหนี้สูญ ตามจำนวนยอดหนี้ที่ถูกลดไป และจะมีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในส่วนที่เป็นรายได้จากดอกเบี้ย และกระทบสภาพคล่องบ้างในบางสหกรณ์
สี่ แปลงหนี้เป็นทุน แนวทางนี้จะทำให้ต้นเงินของสหกรณ์ไปอยู่ในส่วนของเจ้าของหรือส่วนของทุน และผลตอบแทนที่ได้จะได้รับเมื่อการบินไทยมีผลตอบแทนจากการดำเนินงานหลังจากฟื้นฟูกิจการตามแผนแล้ว ซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อต้นเงิน ฐานะของสหกรณ์ แต่อาจมีผลต่อสภาพคล่องในบางสหกรณ์ ส่วนผลการดำเนินงานจะได้รับผลกระทบหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอัตราผลตอบแทนที่ได้จากการดำเนินกิจการของการบินไทยอีกที
"แนวทางที่ครม. ออกมาวันนี้ เป็นผลดีต่อ 82 สหกรณ์ ซึ่งถ้าออกทางล้มละลาย สหกรณ์ก็ยุ่งแล้ว เพราะเงินอยู่ตรงนั้นกว่า 42,000 ล้านบาท ก็ไปหมด แต่มาแนวทางใช้กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ตามกฎหมายล้มละลาย ก็อาจกระทบสภาพคล่องของสหกรณ์เล็กน้อย แต่จะไม่กระทบผลดำเนินงาน ฐานะการเงินของสหกรณ์แน่นอน" นายพิเชษฐ์ กล่าว
นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เราพร้อมเชิญตัวแทนของทั้ง 82 สหกรณ์มาพูดคุยและให้ความมั่นใจ ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวคือในการทำแผนอะไรก็แล้วแต่จะให้ตัวแทน 82 สหกรณ์ในฐานะเจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้นกู้ไปร่วมด้วย ให้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ไปร่วมด้วย
ขณะเดียวกันในวันนี้ พลตำรวจโท วิโรจน์ สัตยสัณห์สกุล ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย (ชสอ.) พร้อมด้วย นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานกรรมการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) นายวินัย นิยโมสถ นายไพบูลย์ แก้วเพทาย รองประธานกรรมการ และนายสมนึก บุญใหญ่ ผู้จัดการใหญ่ ชสอ. ได้จัดประชุมกรณีการลงทุนในหุ้นกู้การบินไทย โดยที่ประชุมมีข้อสรุปร่วมกัน ดังนี้
1. ชสอ. ร่วมกับเครือข่ายสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วประเทศ พร้อมที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามหลักการและอุดมการณ์สหกรณ์ โดยได้จัดเตรียมแผนสำรองเงินสภาพคล่อง ไว้เพียงพอตลอดเวลา
2. เห็นด้วยกับการฟื้นฟูกิจการของบริษัทการบินไทย ภายใต้กฏหมายล้มละลาย แต่กระบวนการฟื้นฟูจะต้องไม่ทำให้สหกรณ์เจ้าหนี้เสียหายเพราะเป็นเงินของสมาชิก โดยที่ประชุมได้รับทราบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าการฟื้นฟูกิจการในส่วนหนี้สหกรณ์ 4.2 หมื่นล้านบาท ให้ยืดหนี้ออกไป โดยมีเงื่อนไขจะจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม
3. จัดตั้งคณะทำงานเพื่อเป็นตัวแทนสหกรณ์เจ้าหนี้ในการพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :