กลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย จัดแฟลชม็อบภายใต้แท็ก 'ระยองไม่ทนคนระยำ' และ 'ให้มันจบที่รุ่นเรา' ที่บริเวณหอนาฬิกาเทศบันเทิงพลาซ่า เทศบาลเมืองระยอง หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายมาเป็นระยะ 

ผู้ปราศรัยหลัก ได้แก่ พริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) แกนนำสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ปิยรัฐ จงเทพ หรือ 'โตโต้' แกนนำจัด 'วิ่งไล่ลุง' จังหวัดกาฬสินธุ์, ภานุพงศ์ จาดนอก แกนนำกลุ่มเยาวชนตะวันออกฯ และ อานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ รวมถึงศิลปินวง R.A.D. เจ้าของผลงานเพลง 'ประเทศกูมี' ขึ้นเวทีปิดท้ายงาน พร้อมยืนยัน 3 ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล เช่นเดียวกับกลุ่มเยาวชนปลดแอก ได้แก่ 1.ยุบสภา 2.แก้รัฐธรรมนูญ และ 3.หยุดคุกคามประชาชน

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกว่า 100 นาย มาดูแลความสงบเรียบร้อยรอบบริเวณ พร้อมเปิดเทปประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้เว้นระยะห่างและให้มีมาตรการป้องกัน covid -​19 รวมถึงขอให้ชุมนุมโดยสงบ แต่ไม่พบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตั้งจุดคัดกรองและอำนวยความสะดวก แตกต่างจากหลายเวทีเยาวชนที่จัดกิจกรรมก่อนหน้านี้

พริษฐ์ ขึ้นเวทีคนแรก ร้อง 'เพลงฉ่อยการเมือง' โดยระบุว่า "เพื่อสะท้อนความอยุติธรรมในสังคม" ทั้งยังเป็นเนื้อหาที่แต่งขึ้นเองก่อน และให้เหตุผลว่า เพื่อให้เข้ากับเมืองแห่งมหากวีสุนทรภู่ ซึ่งผู้ร่วมชุมนุมต่างชื่นชอบ โดยท่อนหนึ่งร้องว่า 

"..บ้านเมืองนี้มันวิปริต เพราะไอ้คนโรคจิตขึ้นมาเป็นใหญ่

 ..ห้ามความคิดห้ามสิทธิเสรี ห้ามแม้แต่สีก็ยังห้ามใช้ 

 ..ประเทศนี้เขาบอกห้ามใช้สีแดง ขนาดถังสีแดงก็ยังโดนจับได้ 

..ห้ามเสื้อสีแดง ห้ามปฏิทินสีแดง ยกเว้นกระทิงแดง ที่ไม่เป็นอะไร "

ด้านอานนท์ นำภา กล่าวถึง 3 ข้อเรียกร้องการเคลื่อนไหวเยาวชนช่วงนี้ที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูง แต่ฝ่ายตรงข้ามพยายามใส่ร้ายป้ายสี พร้อมย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่ิการยกร่างใหม่ให้เป็นประชาธิปไตย ที่สำคัญที่สุดคือจะต้องเอา ส.ว. 250 คนที่แต่งตั้งออกไป เพราะการที่ คสช.แต่งตั้ง ส.ว. 250 คนให้มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างขึ้นมาเพื่อการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร จึงเรียกได้ว่า เป็น "รัฐธรรมนูญของโจรเพื่อโจร" ได้อย่างเต็มปาก

อานนท์ ยืนยันว่าถ้าไม่มี ส.ว.ที่แต่งตั้งมากับมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้า คสช. ไม่มีทางได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน ส่วนข้ออ้างต่างๆ ทั้งการผ่านการประชามติหรือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงนั้น ล้วนเป็นเพียงข้ออ้างทั้งสิ้น ดังนั้นหากแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเอา ส.ว.แต่งตั้งออกไปก่อน แล้วจัดเลือกตั้งใหม่ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ให้เฉพาะ ส.ส.ที่เป็นผู้แทนประชาชนเท่านั้นเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่มีทางที่พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก และในบั้นปลายต้องให้ทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนมีส่วนร่วมในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ด้านภานุพงศ์ จาดนอก ปราศรัยปิดท้าย โดยกล่าวถึงการบริหารงานที่ล้มเหลวของ 'รัฐบาลประยุทธ์' และย้ำถึง 3 ข้อเรียกร้องเยาวชน คือ หยุดคุกคามประชาชน, ให้รัฐบาลยุบสภา และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รวมถึงเรียกร้องรัฐสวัสดิการ ตลอดจนการดูแลคุณภาพชีวิตคนระยอง ท่ามกลางปัญหามลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ดังนั้น การลุกขึ้นมาอนาคตของตัวเองของคนรุ่นใหม่ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศนั้น หากรัฐบาลเมินเฉยข้อเรียกร้อง ก็รอเวลาเหมาะสมที่จะมีการประกาศนัดชุมนุมใหญ่ ที่ถนนราชดำเนิน