นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมีการออกมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต ส่งผลต่อธุรกิจ และระบบเศรษฐกิจอย่างมาก หลายธุรกิจต้องหยุดชะงัก โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ
อีกทั้ง จากการสำรวจของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พบว่าอาจจะทำให้เกิดการว่างงานของกลุ่มแรงงานมากถึง 7 ล้านคน ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ว่า ปี 2563 จะมีคนเสี่ยงตกงานประมาณ 8.4 ล้านคน และทั้งปีจะมีคนว่างงาน 2 ล้านคน ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงวิกฤตปี 2540
ดังนั้น หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจึงได้ประสานความร่วมมือกับบริษัท แอคเซนเจอร์ ประเทศไทย จำกัด ด้วยการนำเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาสร้างแพลตฟอร์ม เพื่อเชื่อมโยงระหว่างภาคธุรกิจที่มีความต้องการขยายการจ้างงานกับภาคธุรกิจที่ต้องการลดการจ้างงาน โดยระบบจะทำหน้าที่ประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูลความต้องการและจับคู่ให้
"แพลตฟอร์มนี้ จะสามารถใช้ได้ตั้งแต่วันนี้ (1 มิ.ย.2563) และมีธุรกิจสมาชิกหอการค้าฯ เข้าร่วมส่งข้อมูลแล้ว 29 แห่ง ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ และในระยะต่อไปจะเปิดให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เข้ามาใช้ ซึ่งความร่วมมือตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย"
นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา หอการค้าฯ เคยประเมินว่า ปีนี้จะมีคนตกงานประมาณ 7 ล้านคน แต่ตอนนี้พอกิจกรรมกิจการต่างๆ เริ่มกลับมาเปิดดำเนินการแล้ว ก็คาดว่า คนตกงานจะน้อยลง ซึ่งภาคธุรกิจต้องช่วยกัน
พร้อมกับเปิดเผยว่า ตามการประเมินของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยพบว่า การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคของภาครัฐที่ออกมาระยะที่ 1 (เริ่ม 3 มิ.ย.2563) ทำให้มีเงินกลับมาสะพัด 60,000 ล้านบาท ระยะที่ 2 (เริ่ม 17 มิ.ย.2563) เงินสะพัด 1-2 แสนล้านบาท และระยะที่ 3 (เริ่ม 1 มิ.ย.2563) เงินสะพัด 1-2 แสนล้านบาท เช่่นกัน
นายนนทวัฒน์ พุ่มชูศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอคเซนเจอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่าแพลตฟอร์มนี้ชื่อว่า 'People+Work Connect' เริ่มต้นที่สหรัฐอเมริกาเมื่อประมาณเดือนก่อน เพราะในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการจ้างงานเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่เพียงสหรัฐฯ พร้อมกันนี้ได้หารือกับทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนำแพลตฟอร์มนี้มาใช้ในประเทศไทย
โดยแพลตฟอร์มนี้เป็นการเชื่อม B to B คือ เชื่อมโยงภาคธุรกิจกับภาคธุรกิจ ให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลฝั่งซัพพลายและฝั่งดีมานด์ด้านแรงงานมาจับคู่กัน เช่น มีบริษัท A แจ้งว่าต้องการลดซัพพลายหรือลดกำลังแรงงาน ขณะที่ บริษัท B แจ้งว่า อีก 3-6 เดือนข้างหน้าต้องการพนักงานในตำแหน่งงานหนึ่งจำนวนหนึ่งทั้งแบบชั่วคราวและประจำ แพลตฟอร์มนี้จะทำให้ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล 2 กลุ่มนี้มาพบกัน และทำให้เกิดการโอนย้ายคนทำงานระหว่างกันได้
"แพลตฟอร์มนี้จะเป็นประโยชน์กับหัวหน้าทีมเอชอาร์ของทุกบริษัทที่เข้าร่วมส่งข้อมูล เพราะจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารทรัพยากรบุคคล และลดแรงกดดันกรณีเลิกจ้างหรือเอาคนออก เพราะแพลตฟอร์มจะสามารถชี้ให้เห็นว่า ที่ไหนขาดคนต้องการคน ฝั่งที่ต้องการลดซัพพลายก็ติดต่อฝั่งที่ต้องการแรงงานได้" นายนนทวัฒน์ กล่าว
พร้อมกับย้ำว่า แพลตฟอร์มนี้จะมีข้อมูลเพียงตำแหน่งงาน ประสบการณ์ จำนวนคนที่ต้องการลด จำนวนคนที่ต้องการเพิ่ม และตำแหน่งสถานที่ ไม่มีข้อมูลส่วนตัวทั้งชื่อ อายุ เพศ เบอร์โทรศัพท์ใดๆ และบริษัทที่เข้ามาใช้งานต้องลงทะเบียนก่อน เนื่องจากบริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายของแต่ละประเทศเข้าไปดำเนินกิจการเป็นอย่างยิ่ง
นายบวรนันท์ ทองกัลยา นายกสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันสมาชิกสมาคมที่เป็นฝ่ายทรัพยากรบุคคลของธุรกิจต่างๆ มีจำนวนทั้งสิ้น 2,600 บริษัท ทั่วประเทศ และแพลตฟอร์มนี้จะทำให้เอสอาร์ หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทสมาชิกทั่วประเทศบริษัททั้งด้านดีมานต์และซัพพลาย มีข้อมูลและสามารถเพื่อรักษาการจ้างงานทั่วประเทศไว้ได้
"นี่เป็นครั้งแรกของการมีแพลตฟอร์ม B to B (ธุรกิจกับธุรกิจ) ด้านการบริหารงานบุคคลและน่าจะทำให้อัตราการว่างงานที่ปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มจากร้อยละ 0.3 เป็น ร้อยละ 3 ลดลงได้" นายบวรนันท์ กล่าว
ขณะที่ น.ส.ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการตอนนี้มีการปิดกิจการชั่วคราวแล้วร้อยละ 90 แต่ส่วนที่ปิดกิจการไปเลย ยังมีไม่มากนัก โดยสมาคมฯ คาดว่า กว่าที่ธุรกิจโรงแรมจะกลับมาเปิดดำเนินกิจการได้คงจะประมาณเดือน ก.ค. แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลับมาเปิดได้ 100 เปอร์เซ็นต์
ส่วนเรื่องการจ้างงานนั้นจะขึ้นกับอัตราการเข้าพัก (occupancy rate) ซึ่งในสถานการณ์ปกติ ไม่มีโควิด-19 อัตราการเข้าพักอุตสาหกรรมโรงแรมไทย ช่วงไฮซีซันจะมีร้อยละ 70 ส่วนโลว์ซีซันร้อยละ 60 แต่ตอนนี้ ซึ่งเป็นช่วงโควิด-19 คาดว่ายังไม่ถึงร้อยละ 30 ด้วยซ้ำ ดังนั้นในเรื่องอัตราการจ้างงานก็จะเป็นไปตามสัดส่วนการเข้าพักด้วย
"แรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการมีประมาณ 4 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นแรงงานในธุรกิจโรงแรม 2 ล้านคน และจากการสำรวจของหอการค้าไทยฯ พบว่า จะมีคนในอุตสาหกรรมนี้ตกงาน 8-9 แสนคน แต่การมีแพลตฟอร์มนี้ก็น่าจะช่วยเป็นตัวเชื่อมการจ้างงานได้ เพราะต้องบอกว่า คนในอุตสาหกรรมนี้มีศักยภาพ มีความสามารถ มีทักษะเฉพาะตัว เช่น พ่อครัวแม่ครัว หรือ Chef ที่เคยทำงานตามโรงแรม พวกเขามีความสามารถเฉพาะตัว ที่น่าเห็นใจมากในเวลานี้" น.ส.ศุภวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ 29 บริษัทที่จะร่วมมือในโครงการระหว่างหอการค้าไทยฯ และบริษัท แอคเซนเจอร์ ประเทศไทย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, กลุ่มนันยางเท็กซ์ไทล์, บริษัท ซีีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีแวลู จำกัด (มหาชน), บริษัท ดิเอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย (จำกัด), บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ที.ซีฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด หรือ กระทิงแดง, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยยูเนี่ยม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด, บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เบทาโกร โฮลดิ้ง จำกัด, บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน), บริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน), สมาคมโรงแรมไทยและโรงแรม เดอะ ทวิน ทาวเวอร์, บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด หรือ เทสโก้โลตัส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :