ไม่พบผลการค้นหา
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (15 พ.ย.) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้สรุปการเจรจานานกว่า 4 ชั่วโมง โดยเป็นการหารือที่มีความมุ่งมั่นในการรักษาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ตึงเครียดของสหรัฐฯ กับจีน และฟื้นฟูการสื่อสารระหว่างกองทัพกับกองทัพบางส่วนระหว่างทั้งสองชาติ

ทั้งนี้ ทั้งสองประธานาธิบดีได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีที่คฤหาสน์ฟิโลลี ซึ่งเป็นสถานที่พักตากอากาศที่ตั้งอยู่ห่างจากนครซานฟรานซิสโกไปทางใต้ประมาณ 40 กิโลเมตร โดยในช่วงการหารือกัน สีได้บอกกับไบเดนว่า “ดาวเคราะห์โลกมีขนาดใหญ่พอสำหรับทั้งสองประเทศที่จะประสบความสำเร็จ” 

ไบเดนระบุบน X โดยกล่าวว่า เขาให้ความสำคัญกับการสนทนาที่ตัวเองมีกับสี “ผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ที่เราได้เข้าใจซึ่งกันและกันอย่างชัดเจน ระหว่างผู้นำต่อผู้นำ” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุ “มีความท้าทายที่สำคัญระดับโลกที่ต้องอาศัยความเป็นผู้นำร่วมกันของเรา และวันนี้เราก็มีความก้าวหน้าอย่างแท้จริง”

การหารือระหว่างไบเดนกับสีในครั้งนี้ เป็นการพบปะกันแบบเห็นหน้าครั้งแรกของผู้นำทั้งสองในรอบ 1 ปี และเกิดขึ้นพร้อมกับการประชุมสุดยอดประจำปีของความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่มีสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ ซึ่งจัดขึ้นในนครซานฟรานซิสโก 

เจ้าหน้าที่ของทั้งสหรัฐฯ และจีนตั้งความคาดหวังไว้ต่ำก่อนการประชุม เนื่องจากความขัดแย้งที่ทั้งสองชาติมีต่อกันมายาวนานเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ตั้งแต่ไต้หวันไปจนถึงทะเลจีนใต้ สงครามอิสราเอล-ฮามาส การรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบของรัสเซีย เกาหลีเหนือ และประเด็นสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ ทั้งสองชาติได้บรรลุข้อตกลงในการเปิดการติดต่อทางทหารอีกครั้ง ซึ่งถูกตัดลงหลังจากที่ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนไต้หวัน ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นมณฑลของตัวเอง ในเดือน ส.ค. 2565

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้นำทั้งสองได้พูดคุยโต้ตอบกันต่อประเด็นไต้หวันอย่างมีนัยสำคัญ โดยไบเดนตำหนิจีนเรื่องการเสริมกำลังทหารขนาดใหญ่รอบๆ เกาะไต้หวัน และขอให้จีนเคารพกระบวนการเลือกตั้งของไต้หวัน ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ม.ค.ที่จะมาถึง โดยมี วิลเลียม ไหล รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่งจีนประณามว่าเป็น “ผู้แบ่งแยกดินแดน” กำลังมีคะแนนนิยมนำผู้สมัครผู้อื่น

ในขณะเดียวกัน สีเน้นย้ำว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และ “ฝ่ายสหรัฐฯ ควร… หยุดติดอาวุธให้กับไต้หวัน และสนับสนุนการรวมประเทศอย่างสันติของจีน” สียังระบุกับไบเดน ตามการรายงานของกระทรวงการต่างประเทศจีนว่า “จีนจะตระหนักถึงการรวมประเทศ และนี่คือสิ่งที่จะไม่มีอะไรมาหยุดไว้ได้”

ความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็น 2 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ยังคงมีความสำคัญต่อความก้าวหน้าในประเด็นระดับโลก อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ทั้งสองชาติได้แสดงความไม่พอใจต่อกันที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะความเห็นที่แย้งกันในประเด็นต่างๆ เช่น เทคโนโลยี และการเมืองโลก

ทั้งนี้ สหรัฐฯ กล่าวหาจีน ว่าพยายามให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่รัสเซีย ในขณะที่รัสเซียยังคงทำสงครามในยูเครนต่อไป นอกจากนี้ ทั้งสองชาติยังมีความขัดแย้งกันในประเด็นภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยที่จีนเรียกร้องให้มีการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสติดอาวุธปาเลสไตน์ ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ได้ทุ่มการสนับสนุนไปยังอิสราเอล และใช้จุดยืนของตัวเองในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อลงมติยับยั้งการเรียกร้องให้มีการหยุดยิง

หลังจากการประชุมสิ้นสุดลง เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ บอกกับสำนักข่าว The Associated Press ว่า ข้อตกลงด้านการสื่อสารทางทหารที่บรรลุในครั้งนี้ จะส่งผลให้ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สามารถพบกับรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของจีนได้เมื่อมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว โดนในขณะนี้ จีนยังไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังจาก หลี่ซางฟู่ ซึ่งถูกคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ถูกปลดออกจากตำแหน่งโดยไม่มีคำอธิบายเมื่อเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ หลี่ได้หายตัวไปจากสายตาของสาธารณชนเมื่อ 2 เดือนก่อน

ตามคำแถลงที่เผยแพร่โดยสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ของรัฐ สีกล่าวหลังการประชุมว่า การเจรจาทางทหารระดับสูงกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้บนพื้นฐานของความเสมอภาคและความเคารพ

การเจรจาในครั้งนี้ยังนำไปสู่ข้อตกลงความร่วมมือในการจัดการกับแหล่งที่มาของเฟนทานิล ซึ่งเป็นสารฝิ่นสังเคราะห์ที่ส่งผลให้เกิดการเสพติดสูง และกลายมาเป็นสาเหตุหลักของการใช้ยาเสพติดเกินขนาดในสหรัฐฯ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว จีนจะติดตามบริษัทเฉพาะที่ผลิตสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาโดยตรง

ไบเดนยังเรียกร้องให้สีใช้อิทธิพลของจีนที่มีกับอิหร่าน เพื่อทำให้เกิดความชัดเจนว่าอิหร่านและชาติที่ทำสงครามตัวแทน ควรหลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุ ซึ่งอาจแพร่กระจายความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาสไปทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยตามการระบุของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในระหว่างการพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ไบเดนเป็นผู้พูดเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่สีเป็นผู้ฟังเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ยืนยันกับสหรัฐฯ ว่าจีนได้แจ้งข้อกังวลกับอิหร่านในเรื่องดังกล่าวแล้ว

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานะของพลเมืองสหรัฐฯ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ เชื่อว่าถูกควบคุมตัวอย่างไม่ถูกต้องในจีน ตลอดจนประเด็นสิทธิมนุษยชนในจีนด้วย

ก่อนการประชุม ทั้งสหรัฐฯ และจีนสนับสนุนเป้าหมายด้านพลังงานทดแทนใหม่ และกล่าวว่าพวกเขาจะดำเนินการเพื่อลดมลพิษมีเทนและพลาสติก ซึ่งเป็นการรื้อฟื้นความร่วมมือด้านสภาพภูมิอากาศอีกครั้ง หลังจากความร่วมมือดังกล่าวหยุดชะงักลงหลังจากเพโลซีเดินทางเยือนไต้หวัน


ที่มา:

https://www.aljazeera.com/news/2023/11/15/joe-biden-meets-with-chinas-xi-jinping-on-sidelines-of-apec-summit?fbclid=IwAR15qVeDtRcXMc5__V1PZsicuGQeKFkxvE-DnOSwzwIS3sZew3GReguMMNk