นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในไตรมาส 1 ปี 2563 ติดลบร้อยละ 1.8 จากไตรมาส4 ของปี 2562 ที่ขยายตัวร้อยละ 2.4 นับเป็นการติดลบครั้งแรกตั้งแต่ปี ไตรมาส 1/2557 โดยสาเหตุสำคัญเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 การส่งออกที่ชะลอตัวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมทั้งการล่าช้าของการเบิกจ่ายงบประมาณ
ทั้งนี้ สศช. ได้ปรับประมาณการตัวเลขจีดีพีใน 2563 จะติดลบร้อยละ 5 ถึงติดลบร้อยละ 6 โดยมีค่ากลางตลิดลบร้อยละ 5.5 จากเดิมขยายตัวที่ร้อยละ 1.5-2 แต่ต้องอยู่ภายใต้สมมติฐานการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยไม่ยืดเยื้อเกินไตรมาส 2 หรือไม่กลับมาระบาดรอบ 2 และต้องมีการผ่อนปรนร้านค้า ห้างร้านต่างๆ จนเข้าสู่ภาวะปกติในไตรมาส 3 และการท่องเที่ยวกลับมาได้ในไตรมาสที่ 4 แต่หากสถานการณ์หนักกว่าที่ประมาณการอาจจะติดลบได้มากกว่าร้อยละ 6 โดยในไตรมาสที่ 2 จะตัวเลขจีดีพีจะติดลบมากที่สุด จากที่มีการล็อกดาวน์
“คิดว่าไตรมาสที่ 2 จะหนักที่สุด เพราะทุกอย่างถูกปิดหมดเลย แต่ขณะนี้เริ่มคลี่คลายมากขึ้น หลังจากนั้นเมื่อหนักสุดแล้วก็คิดว่าจะค่อยๆลดลงหลังผ่อนคลายลง แต่จะใช้คำว่าประคองสถานการณ์ไปได้มากกว่า แต่ถ้าสถานการณ์แปรผันไปมากกว่านี้ รวมทั้งเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงไป หรือการเบิกจ่ายของรัฐบาลเปลี่ยนแปลงไปด้วย ตัวเลขติดลบ 5-6 เปอร์เซ็นต์ก็อาจจะเป็นไปได้ทั้งสองทาง คือถ้าสถานการณ์ดีขึ้นก็อาจจะติดลบน้อยกว่า แต่ถ้าแย่กว่านี้ก็อาจจะติดลบมากกว่านี้” นายทศพร กล่าว