ไม่พบผลการค้นหา
กมธ.กฎหมาย เตรียมให้ ผบ.ทบ.เข้าแจงการทำธุรกิจในค่ายทหารในสัปดาห์หน้า รวมถึงเรียก ผบ.ตร. แจงกรณีตำรวจห้ามประชาชนสวมเสื้อ 'วิ่งไล่ลุง' เข้าข่ายละเมิดสิทธิ เจอคำตอบ 'แค่ขอความร่วมมือ' ไม่ได้ห้าม

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงความคืบหน้าการประชุมของ กมธ.กฎหมาย 4 ประเด็น ประกอบด้วย

1. กมธ.กฎหมาย เตรียมลงพื้นที่เกาะเต่า หลังการปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีปัญหาร้องเรียนเรื่องพื้นที่ทับซ้อนระหว่างชาวบ้านกับที่ดินราชพสดุของกรมธนารักษ์ 

2. การตรวจดีเอ็นเอของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกองกฎหมายเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เนื่องจากพบว่ามีการตรวจดีเอ็นเอในลักษณะเหวี่ยงแห ทำให้ประชาชนที่ไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับเหตุรุนแรงและอื่นๆ ถูกตรวจดีเอ็นเอด้วยนั้น อาจเป็นการละเมิดสิทธิ์ โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ยืนยันถึงความจำเป็นที่จะต้องตรวจดีเอ็นเอในลักษณะดังกล่าว และ กมธ.กฎหมาย ได้เน้นให้คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนด้วย

3. กรณีวิ่งไล่ลุง จังหวัดอุบลราชธานี ที่ประชาชนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามไม่ให้สวมเสื้อในการจัดกิจกรรม โดยวันนี้ผู้กำกับและผู้การตำรวจ จังหวัดอุบลราชธานี เข้าให้ข้อมูลกรรมาธิการกฎหมายโดยชี้แจงว่าเป็นการขอความร่วมมือจากประชาชนเท่านั้น และ กมธ.กฎหมาย ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเคารพสิทธิการแสดงออกของประชาชนด้วยและทางตำรวจ กรวาดจะปฏิบัติตามที่ กมธ.กฎหมายแนะนำ 

นอกจากนี้ กมธ.กฎหมาย ยังได้เชิญ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. มาให้ข้อมูลในสัปดาห์หน้า ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าจะเดินทางมาให้ข้อมูล เกี่ยวกับการดำเนินการแก้ปัญหา ที่มีเรื่องร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจละเมิดสิทธิเสรีภาพ

4. กมธ.กฎหมาย เตรียมเชิญพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. มาให้ข้อมูลและรายงานผลดำเนินการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจในกองทัพและการแสวงหาประโยชน์ในค่ายทหารในสัปดาห์หน้า ซึ่งประชาชนมีข้อสงสัย สืบเนื่องจากกรณีกราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่ง ผบ.ทบ. ได้ออกมาระบุว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้ จริงหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจาก ผบ.ทบ. เข้ามาชี้แจงกับ กมธ.กฎหมาย เพื่อนำสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และอีกเป็นเวทีให้ ผบ. ทบ.ชี้แจงความคืบหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง ผบ.ทบ.และกองทัพเองรวมถึงสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่าการประกอบธุรกิจต่างๆ ในกองทัพ ว่าชอบด้วยกฎหมาย มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้