ไม่พบผลการค้นหา
ผบ.ทบ.เปิดหอประชุมกิตติขจร บรรยายพิเศษต่อหน้าข้าราชการ นักการเมือง สื่อ ดาราในหัวข้อ ‘แผ่นดินของเราในมุมมองความมั่นคง’ โดยย้ำหลังเลือกตั้ง ทหารถอยออกการเมือง แต่ต้องอยู่ตาม รธน. ย้อนประวัติศาสตร์ไทยเกือบเสียแผ่นดิน ซัดนักวิชาการ - นักการเมืองบางคนกลับตัวได้แต่ยังมีแนวคิดฝังชิปคอมมิวนิสต์ ได้ทียกวาทะโจรกระจอกทำไฟใต้ขัดแย้งขึ้น ชี้แก้ รธน. ม.1 ทำให้ทหารต้องเข้ามายุ่ง เหตุปมแบ่งแยกประเทศอัดสงครามไฮบริด กลุ่มมาสเตอร์มายอ้าง 2475 จาบจ้วง - ฉะนักการเมืองเกาะขาพ่อตัวเอง ลูกพี่ใหญ่หนีคดี - นักธุรกิจสมคบกลุ่มเผาเมือง ชักศึกเข้าบ้านปลุกคนรุ่นใหม่ล้มสถาบัน

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) บรรยายพิเศษ ในหัวข้อเรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” โดยมีนักเรียน นิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์ ผู้นำองค์กร ผู้นำมวลชนรอบค่าย นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ,นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ,นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ,นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้แทนจุฬาราชมนตรี ข้าราชการทหาร ตำรวจ อดีตตุลาการศาล รวมทั้งศิลปินดารา อาทิ นก สินจัย เปล่งพานิช นายฉัตรชัย เปล่งพานิช ตลอดจนสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเข้าร่วมรับฟังการบรรยาย

อภิรัชต์ คงสมพงษ์ บก ทบ.

สำหรับบทบาทของทหาร วันนี้หลังมีการเลือกตั้งทหารได้ถอยห่างจากการเมือง ไม่มีคสช. มีแต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีคำถามว่าทำไมต้องมีทหาร คำตอบคือทหารถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่ พิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ ดูแลประชาชน รักษาเอกราช อธิปไตย บูรณาการแห่งอาณาเขต ดูแลความมั่นคงของรัฐ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ ตามมาตรา52 ในรัฐธรรมนูญไทย พร้อมยกข้อความหนึ่งขึ้นมา คือ “ถ้าคุณไม่ใช่คนที่เต็มใจและพร้อมที่จะจับอาวุธขึ้นมาเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติแล้วล่ะก็ ขอจงหยุดวิพากษ์วิจารณ์คนที่กำลังทำหน้าที่นั้นอยู่”

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ย้อนทบทวนประวัติศาสตร์ชาติไทย ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี และการเสียแผ่นดินทั้ง 14 ครั้งในอดีต และบอกว่าประเทศไทยเป็นประเทศเดียวเท่านั้นในภูมิภาคนี้ที่ยังเป็นเอกราช เพราะความปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทยที่ได้ปกป้องรักษาแผ่นดินเอาไว้ และได้เปิดวิดิทัศน์ให้รับชม มีความยาวประมาณ 1 นาทีเศษ ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการต่อสู้ของบรรพบุรุษในอดีตที่ได้ต่อสู้เพื่อปกปักรักษาแผ่นดินไทยเอาไว้ 

"ย้อนประวัติศาสตร์ชาติไทย เคยสูญเสียดินแดนบางส่วนมาหลายครั้งให้กับทั้งประเทศเพื่อนบ้านและประเทศล่าอาณานิคมที่ขยายเข้ามาในภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยได้รอดจากประเทศที่ล่าอาณานิคมได้อย่างไร ต้องศึกษาประวัติศาสตร์จะพบว่าในช่วงรัชกาลที่5 แม้จะถูกรุกรานหลายครั้ง แต่ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่รอดจากประเทศมหาอำนาจที่ล่าอาณานิคม ที่พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถในการถ่วงดุลอำนาจ และสามารถรักษาดินแดนขวานทองของไทยไว้ได้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ชาวไทยยังมีประเทศอยู่จนถึงปัจจุบัน " ผบ.ทบ. กล่าว

อภิรัชต์ คงสมพงษ์

ยกบิ๊กจ๊อดนั่ง ฮ.ถูกยิงตกเหตุปกป้องแผ่นดิน ซัดนักวิชาการยังมีแนวคิดคอมมิวนิสต์

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวถึงเหตุผลการเข้ามาเป็นทหารของตนเอง ว่าเมื่อวันที่25 ต.ค. 2515 มีพาดหัวหนังสือพิมพ์ ระบุว่า มีเฮลิคอปเตอร์ตก2ลำซ้อน ขณะบินปฎิบัติการกวาดล้างกลุ่มคอมมิวนิสต์ และต่อมาในวันที่ 26 ต.ค. เฮลิคอปเตอร์ ถูกผู้ก่อการคอมมิวนิสต์ยิงตก และอยู่ในเขตอันตราย 11ชีวิต ขณะนั้นตนอายุ12ขวบ ไม่รู้ว่าบิดาตนเป็น 1ใน11ชีวิตที่อยู่ในป่าและถูกยิงตกด้วย เพราะไม่มีเทคโนโลยีให้ทราบข่าวเหมือนสมัยนี้เมื่อบิดาได้รับการช่วยเหลือ ตนจึงถามกับตัวเองว่าทำไมพ่อต้องถูกยิง เหตุผลคือเพราะต้องปกป้องผืนแผ่นดินไทย จากกลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ที่จ.ราชบุรี เพื่อให้ประเทศชาติสงบสุข

จากนั้นเหตุการณ์ยังคงรุนแรง มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เกือบร้อย บุกยึดหมู่บ้านและจับ2ราษฎรยิง 

ขณะที่กลุ่มโจรภาคใต้ได้ลักตัวครู ดับ1รอด1 คน ทำให้เห็นว่าประเทศไทยมีความไม่สงบมาเป็นเวลานานแล้ว หลายคนเคยไปร่วมรบ หลายคนเคยไปเข้าร่วมขบวนการคอมมิวนิสต์ บางคนกลับตัวกลับใจได้ บางคนมาเป็นนักวิชาการ นักการเมือง ยังคงมีความเป็นคอมมิวนิสต์ที่ถูกฝังชิบไว้ในหัวอยู่

จากนั้น ผบ.ทบ.ได้เปิดพระฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 ขณะทรงเป็นพระบรมโอรสาธิราช พระยศร้อยเอก ที่ได้ทรงเสด็จไปยังอำเภอด่านซ้าย จ.เลย เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2519 เพื่อร่วมรบกับทหาร

ผบ.ทบ. พร้อมกล่าวว่าในปี 2519 สงครามคอมมิวนิสต์ ในหลวงรัชกาลที่ 10 ดำรงพระยศร้อยเอก เป็นพระบรมโอรสาธิราช พระองค์ทรงเสด็จพื้นที่ ที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2519 เพื่อร่วมรบกับทหาร ทรงอยู่ในฐานปฏิบัติการ กินนอนเหมือนทหาร ทรงเยี่ยมประชาชน ทรงเป็นมิ่งขวัญ ทรงเป็นกำลังใจ ทรงรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกำลังพลเหล่าทหารหาญ หลังจากนั้นยังมีอีกหลายยุทธการที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง กว่าพรรคคอมมิวนิสต์ถึงจะยอมวางอาวุธ แต่ปัจจุบันนี้ยังมีพวกหัวเดิมๆที่กลับออกมา มาเป็นนักการเมือง บ้าง เป็นนักวิชาการบ้าง และยังฝังชิบการเป็นคอมมิวนิสต์เอาไว้ ดังนั้น สถาบันพระมหากษัตริย์ ทหาร และประชาชน เป็นสิ่งที่แยกออกกันไม่ได้ ในอดีตพระมหากัษตริย์อยู่บนหลังช้าง ทหารอยู่รายล้อมรอบข้าง ซึ่งทหารเหล่านั้นก็คือประชาชนที่เสียสละเข้ามาร่วมรบกับพระมหากษัตริย์

อภิรัชต์ คงสมพงษ์

อัดนักการเมืองไทยหนุนหลังม็อบฮ่องกง

สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งในปัจจุบัน เกิดขึ้นทั่วโลก ที่ส่วนหนึ่งมาจากการยุยงปลุกปั่นของคนภายในชาติเอง โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ฮ่องกง ที่มีนักการเมืองไทยเดินทางไปให้กำลังใจ และมีความเชื่อมโยงถึงกัน

โดยในช่วงนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้เปิดภาพวิดีโอเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในต่างประเทศให้ผู้เข้ารีบฟังการบรรยายได้รับชม พร้อมกับเปิดภาพของนายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกง ซึ่งเป็นภาพที่ได้ถ่ายคู่กับนักการเมืองของไทย 

โดย ผบ.ทบ. บอกว่านายหว่องได้เดินทางมาประเทศไทยหลายครั้งเพื่อมาพบกับบุคคลบางคน พร้อมตั้งคำถามว่าการเดินทางมาพบพูดคุยกันนั้นไม่การสมคบคิดวางแผนอะไรอยู่หรือไม่ 

ได้ทียกวาทะโจรกระจอก ทำไฟใต้ลุกขึ้น

จากนั้นผู้บัญชาการทหารบก ได้เล่าถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับพื้นที่จังวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มที่ พ.ศ. 2545 ที่รัฐบาลประกาศยุบ ศอ.บต. และประกาศว่าไม่มีโจรผู้ก่อการร้ายอีกต่อไป มีแต่โจรกระจอก จากนั้นเหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นอย่าต่อเนื่อง ด้วยยุทธการโปรยดอกไม้ 

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ภาคใต้ เจ้าหน้าที่ได้น้อมนำพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่9 ที่เป็นเหมือนไฟส่องทาง สำหรับผู้ปฎิบัติพื้นที่ในชายแดนจังหวัดภาคใต้ 

คือคำว่า"เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" ซึ่งตนก็ได้มีโอกาสทำงานในพื้นที่ภาคใต้ กองทัพบกได้มีการปรับ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่24 พื้นที่รอยต่อจ.ยะลา และนราธิวาา ทำงานในพื้นที่ เป็นเวลา 1 ปี2 เดือน ทราบปัญหาต่างๆมากมาย ตนถือว่าโชคดีที่ได้กลับมาบ้าน แต่เพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ รุ่นน้องและลูกน้องผู้นำทางศาสนา รวมทั้งประชาชนหลายคนไม่มีโอกาสได้กลับมาบ้านเหมือนตน 

เผยไฟใต้ทำตัวเองเครียดต้องกระโดดลงจากเตียงตอนนอน

“คำถามคือจะมีใครสักกี่คนที่เข้าใจปัญหาท่ีเกิดขึ้น จะต้องมีการสับเปลี่ยนกำลัง ทุก 1 ปี เพื่อไม่ให้เกิดความเครียด สำหรับผมเมื่อกลับมายังนอนผวา เคยแม้กระทั่งกระโดดลงจากเตียง ถามภรรยาได้ ซึ่งคนอื่นก็เป็นเพราะเป็นการรบภายใต้สภาวะการความกดดัน”

สำหรับสถิติในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ปี 2547-2562 มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบแบ่งเป็น ทหาร 587 คน ตำรวจ 396 คน ผู้นำท้องถิ่น 242 คน ครู 109 และประชาชน 2,731 คน เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติการเสียชีวิตของประชาชน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากเหตุทั่วไปปี2547-2562 พบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากอาชญากรรม 3,607 อุบัติเหตุ 3,497 เหตุความมั่นคง 2,731 ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วถือว่าเป็นตัวเลขที่ร้อยกว่าความสูญเสียจากการก่อเหตุความไม่สงบ แต่เป็นความพยายามของกลุ่มบุคคลที่อยากทำให้ดูเหมือนว่าเหตุการณ์รุนแรงและมีความสูญเสียมากมาย

นอกจากนี้ จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ยืนยันฝ่ายความมั่นคง จะเร่งติดตามผู้ก่อเหตุ รวมถึงจะต้องตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับบุคคลใด และจะนำมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด

ย้ำทหารต้องยุ่งการเมือง เหตุปลุกรื้อ ม.1

อย่างไรก็ตามในวันนี้ยังมีนักวิชาการพยายามยกประเด็นมาตรา 1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่บัญญัติว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกันจะแบ่งแยกไม่ได้ ตนไม่ได้บอกว่ารัฐธรรมนูญมันแก้ไม่ได้ ตนไม่ยุ่งกับการเมือง แต่นี่เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง เพราะประเทศจะแบ่งแยกไม่ได้ แต่หากแก้มาตรา 1 ก็เท่ากับเป็นการแก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์ แบบนี้ทำไม่ได้ ทหารทุกคนเป็นหลักประกันแห่งความมั่นคง ทั้งนี้ ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล จะเป็น นาย นางสาว ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ใครมาเป็นตนและทหารก็ทำงานให้ไม่มีการเลือกปฎิบัติไม่มีการเลือกนาย เพราะทหารคือหลักของความมั่นคงในการปกป้องประชาธิปไตย แต่ตอนนี้ทหารถูกตกเป็นเหยื่อ มองทหารเป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตย ซึ่งไม่ว่าจะทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ทุกคนคือประชาชน 

พล.อ.อภิรัชต์ ยังกล่าวว่า ประเทศไทยประกอบด้วย 3 เสาหลัก คือ นิติบัญญัติ ในการออกกฎหมาย ,บริหาร ในการที่รัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารประเทศ และตุลาการ ซึ่งตุลาการ ถือว่ามีความสำคัญ แต่วันนี้มีความพยายามทำให้อำนาจตุลาการขาดความน่าเชื่อถือ 

พร้อมเปิดเผยว่าตนเคยมีส่วนไปดูแลความมั่นคงหลังการยุบพรรคการเมืองหนึ่งในอดีตที่ระบุว่ากระบวนการศาลไม่ยุติธรรม แล้วบางคนก็หนีคดีไปต่างประเทศ สำหรับคนที่หนีคดี และทิ้งให้ลูกน้องรับผิดนั้นตนเคยถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทยถึงตอนไปอยู่ต่างประเทศ ว่ามีความลำบากอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่มีเงิน


อภิรัชต์ คงสมพงษ์

ฉะนัการเมืองเกาะขาพ่อ - ลูกพี่หนีคดี - นักธุรกิจชักศึกเข้าบ้านปลุกคนรุ่นใหม่ล้มสถาบัน

ทั้งนี้พล.อ.อภิรัชต์ ยังกล่าวถึงภัยคุกคามรูปแบบใหม่เป็นแบบHybrid Warfare (ไฮบริด วอแฟร์) หรือสงครามลูกผสม คือ สงครามที่ใช้วิธีการผสมผสานกันของเครื่องมือ ทั้งจากสงครามตามแบบและสงครามไม่ตามแบบ ที่ประกอบด้วย กองกำลังทหารปกติ ,กำลังทหารรบพิเศษ ,กองกำลังที่ไม่ใช่ทหาร อาทิ มวลชนที่ต่อต้านอำนาจรัฐ ,การสนับสนุนจากประชาชนในท้องถิ่น ,สงครามข้อมูลข่าวสาร และการโฆษณาชวนเชื่อ ,การทูต ,การโจมตี ด้านไซเบอร์ ,สงครามเศรษฐกิจ 

นอกจากนี้ยังพบขบวนการของนักวิชาการ และกลุ่มที่เป็นมาสเตอร์มาย ร่วมกับนักเรียนนอก ซ้ายจัดดัดจริตที่ไปเรียนกับประเทศที่ล่าอาณานิคม ชอบอ้างเลข 2475 มาเป็นตัวชี้นำ อ้างตัวเองเป็นประชาธิปไตย แต่มีวาทกรรมจาบจ้วง พร้อมตั้งคำถามว่าใครจะมาแก้ปัญหาประเทศ จะเป็นคน 3 กลุ่มในประเทศที่กล่าวมา 

พล.อ.อภิรัชต์ ระบุว่า ใครจะมาเป็นผู้นำก็ได้เพราะในอดีตก็เคยมีแต่วันนี้จะเชื่อตนหรือไม่เชื่อก็ได้ หรือเลือกแต่นักการเมืองที่หาแต่ประโยชน์ของตนพวกพ้องไม่นึกถึงชาติ หรือคนที่อยู่ภาคใต้ เคยเกาะแข้งเกาะขาพ่อตน ที่อ้างเรื่องศาสนาในการหาเสียงหรือจะเชื่อนักการเมืองพรรคแตกรังที่ลูกพี่ใหญ่หนีไปต่างประเทศ ทิ้งลูกน้องรับคดี หรือนักธุรกิจ ที่เกิดมากับช้อนเงินช้อนทอง สมคบคิดกับผู้ชุมนุมพวกเผาบ้านเผาเมือง ชักศึกเข้าบ้าน เจาะพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ให้เชื่อและล้มล้างสถาบันสำคัญของชาติ วันนี้จะเป็นใครก็ได้ที่จะมาเป็นผู้นำ ถ้าเขาเหล่านั้นไม่คิดล้มล้างสถาบันและเอื้อประโยชน์พวกพ้อง และไม่นำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน ตนทหารตำรวจจะอยู่ข้างประชาชน 

“สุดท้ายที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ทุกคนไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ แค่อยากขอถามว่าปัญหาเรื่องความมั่นคงท่านจะให้ใครแก้ นักวิชาการหรืออาจารย์บางคนที่คบคิดกับพวกคอมมิวนิสต์เดิม แต่ขอเถอะครับถ้าไม่คิดล้มล้างสถาบัน ไม่คิดเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองประเทศ ผมและเพื่อนทหารตำรวจ จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชน และขอให้นิสิตนักศึกษาจำเอาไว้ว่าทหารตำรวจก็คือลูกหลานของพวกท่านผมดีใจที่บรรยายจนจบ และขอโทษที่ใช้เวลาเกิน"พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อภิรัชต์ คงสมพงษ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ ใช้เวลาบรรยายพิเศษ ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นเลขาจุฬาราชมนตรี ที่มาในฐานะผู้แทนจุฬาราชมนตรี ได้ทำดูอาร์ ให้กับ ผบ.ทบ เพื่อให้พรตามความเชื่อทางศาสนาอิสลาม ทั้งนี้ ผบ.ทบ ได้เดินทักทายนักเรียน ครู และเหล่าทหารรวมทั้งสื่อไทยและต่างชาติ ที่มาร่วมฟังการบรรยาย แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องทำงานทันที