หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลกล่าวว่าแม้โครงการดังกล่าวจะอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่แอมะซอนได้ร่วมมือกับบริษัทบัตรเครดิต 'วีซา' เพื่อทดลองใช้การสแกนฝ่ามือในการจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว และยังอยู่ในกระบวนการพูดคุยกับ มาสเตอร์การ์ด, เจพีมอร์แกน, เวลส์ ฟาร์โก และซิงโครนีย์ ไฟแนนเชียล
ก่อนหน้านี้ แอมะซอน ได้เข้าไปจดทะเบียบสิทธิบัตร "ระบบระบุตัวตนผ่านข้อมูลทางชีวภาพแบบไม่สัมผัส" (non-contact biometric identification system) ซึ่งรวมการสแกนฝ่ามือเพื่อการสร้างรูปฝ่ามือของผู้สแกนด้วย
เป้าหมายหลักของแอมะซอนไม่ใช่เพียงมอบรูปแบบการจ่ายสินค้าใหม่ในร้านกาแฟ ร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ด หรือร้านสะดวกซื้อเท่านั้น หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลชี้ว่า แอมะซอนต้องการเอาบริษัทเข้าไปเชื่อมโยงกับชีวิตการใช้จ่ายของผู้บริโภค พร้อมผลักธนาคารและผู้ให้บริการบัตรเครดิตออกไปจากสนามการแข่งขัน
หากแอมะซอนสามารถพัฒนาช่องทางการจ่ายเงินนี้สำเร็จ บริษัทจะเอาชนะกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของแอปเปิลและระบบตรวจสอบยอดเงินในบัญชีของกูเกิลได้แบบสบายๆ ยิ่งเมื่อเทียบกับความได้เปรียบเรื่องข้อมูลมหาศาลที่แอมะซอนจะได้รับจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค
แม้ฝั่งบริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิตกำลังประมวลผลว่ายักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่างแอมะซอนจะเข้ามาร่วมมือหรือเป็นคู่แข่งกันแน่ อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่า การเข้าไปร่วมกับยักษ์ใหญ่เป็นทางเลือกที่ดีกว่าการถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ทั้งนี้ แอมะซอน ยังต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการระบุการฉ้อโกงต่างๆ รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่ต้องยอมมอบข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบริษัท นอกจากนี้ ก็ยังมีความกังวลในประเด็นว่า ผู้บริโภคจะสามารถเพิ่มบัญชีจากธนาคารหรือผู้ให้บริการบัตรเครดิตต่างๆ ได้อย่างไร หรือจะเลือกใช้บัตรเครดิตใบไหนจากฝ่ามือของตัวเองได้หรือไม่
อ้างอิง; CNBC, Daily Mail, Engadget, WSJ