อัยการศาลแขวงกรุงโซลได้รับการร้องเรียนทางอาญาต่อ ‘คิมโยจอง’ จากทนายในกรุงโซลและได้เริ่มเปิดการสอบสวน ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ถือว่ามีแนวโน้มที่จะสร้างความไม่พอใจให้กับเกาหลีเหนือที่ประณามเกาหลีใต้หลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รวมถึงการกล่าวโจมตีโดยตรงไปยังประธานาธิบดี ‘มุนแจอิน’
เมื่อเดือนที่แล้วรัฐบาลเกาหลีเหนือได้ระเบิดสำนักงานประสานงานร่วมสองเกาหลีที่ตั้งอยู่ในฝั่งเหนือ หลังจากที่คิมโยจอง ผู้เป็นน้องสาวและเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาใกล้ชิดที่สุดของ ‘คิมจองอึน’ ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือระบุว่าทรัพย์สินที่ไร้ประโยชน์แห่งนี้จะพังทลายราบคาบในไม่ช้า ขณะที่ก่อนการระเบิดทำลายเกิดขึ้นเกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์รุนแรงหลายฉบับประณามเกาหลีใต้ในประเด็นที่ผู้แปรพักตร์ส่งใบปลิวต่อต้านข้ามแดนมายังฝั่งเหนือ นอกจากนี้ยังเพิ่มความตึงเครียดให้ทวียิ่งขึ้นด้วยการขู่ใช้มาตรการทางทหารกับเกาหลีใต้ ก่อนที่ภายหลังจะระงับแผนเหล่านี้ไปพร้อมกับระดับความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีที่ลดลงชัดเจน
‘ลีคยองแจ’ ทนายที่ยื่นคำร้องเรียนอ้างว่าสำนักงานประสานงานร่วมที่ถูกระเบิดทำลายไปเป็นทรัพย์สินของเกาหลีใต้เนื่องจากได้รับการรีโนเวทด้วยการใช้เงินทุนของรัฐบาลเกาหลีใต้ แม้สำนักงานดังกล่าวจะตั้งอยู่ในฝั่งเหนือก็ตาม ขณะเดียวกันนายลียังยื่นฟ้องร้อง ‘พัคจองชอน’ ผู้บัญชาการทหารเกาหลีเหนือ โดยระบุว่าภายใต้ประมวลกฎหมายอาญาของเกาหลีใต้ การทำลายทรัพย์สินหรือขัดขวางสันติภาพด้วยการใช้วัตถุระเบิดอาจมีโทษถึงประหารชีวิตหรือจำคุกอย่างน้อย 7 ปี
แม้ในทางปฏิบัติแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเกาหลีใต้ที่จะลงโทษคิมโยจองหรือพัคจองชอน แต่ทนายผู้ยื่นฟ้องก็บอกว่า เขาต้องการให้สาธารณชนสนใจพฤติกรรมทำลายของเกาหลีเหนือ และให้ข้อมูลต่อชาวเกาหลีเหนือถึงความเสแสร้งหลอกลวงของผู้นำของตัวเอง
ทั้งนี้ การประกาศนี้มีขึ้นประมาณ 1 สัปดาห์ หลังศาลแห่งหนึ่งในกรุงโซลมีคำสั่งให้ผู้นำเกาหลีเหนือชดเชยให้กับเชลยศึกที่ต้องถูกกักขังอยู่ในเกาหลีเหนือหลายทศวรรษ ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่อาจกำหนดบรรทัดฐานทางกฎหมายที่สำคัญบนคาบสมุทรเกาหลี โดยความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีย่ำแย่ลงหลังการประชุมสุดยอดระหว่างนายคิมจองอึนและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กรุงฮานอยล่มลงเมื่อปีที่แล้ว
อ้างอิง The Straits Times / Yonhap News Agency