นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ควบรวมกิจการของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ให้เป็นบริษัทเดียวกันตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้บริษัทที่ตั้งใหม่ใช้ชื่อ "บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ" หรือ NT Co. (National Telecom) โดยมีกระทรวงการคลังถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์
พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ กระทรวงดีอี กำกับดูแลดำเนินการข้างต้นให้เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่กำหนดโดยให้ TOT และ CAT ควบรวมบริษัทให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือนนับจากวันที่ ครม.มีมติ และรายงานความคืบหน้าให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ทราบทุกเดือนต่อไป
นอกจากนั้น ยังให้ยกเลิกมติ ครม.เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2560 และให้ยุบเลิก บริษัท โครงข่าย บรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด (NBN) และ บริษัทโครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (NGDC) โดยให้ TOT และ CAT รับพนักงานที่ลาออกไปทำงานที่ NBN และ NGDC ให้กลับเข้าทำงานใน TOT และ CAT ในระดับเดิม และได้สิทธิประโยชน์เท่าที่ได้อยู่เดิมในวันที่ลาออกไปอยู่ NBN และ NGDC และให้นับอายุงานต่อเนื่อง
อีกทั้ง ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบหลักการให้ TOT และ CAT เข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิร์ต (MHz), 1800 MHz, 2600 MHz และ 26 กิกะเฮิร์ตซ (GHz) ตามเงื่อนไขประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่เกี่ยวข้อง
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า จุดแข็งของการควบรวมนี้ จะช่วยให้เกิดการผสานศักยภาพสร้างความพร้อมให้กับรัฐวิสาหกิจด้านสื่อสารของประเทศไทย เพื่อรับมือการแข่งขันในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงการสิ้นสุดสัมปทานถือครองคลื่นความถี่ในปี 2568 ซึ่งทั้งสองหน่วยงาน จะไม่เหลือคลื่นความถี่ในมือเลย
อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างโอกาสของการไปสู่ธุรกิจในอนาคตร่วมกัน ซึ่งรวมถึงธุรกิจ 5จี ซึ่ง กสทช. เตรียมเปิดประมูลคลื่นความถี่ในราวกลางเดือน ก.พ. นี้
ส่วนขั้นตอนหลังจากผ่านมติ ครม. จะมีการว่าจ้างที่ปรึกษา 3 ด้าน เพื่อให้ทำการศึกษาและจัดทำแผน ใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านกฎหมาย ด้านการควบรวมกิจการ และด้านทรัพยากรบุคคล ทำการศึกษา และกำหนดทิศทางในการดำเนินงานภายหลังการควบรวมกิจการ คาดว่าจะใช้เวลาอีกราว 6 เดือน กระบวนการควบรวมจึงจะแล้วเสร็จสมบูรณ์
ด้านโครงสร้างหลังการควบรวมเป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด จะแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 5 สายงาน ได้แก่ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ (Hard Infrastructure) ธุรกิจโครงข่ายโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International) ธุรกิจบริการโทรศัพท์ประจำที่และบรอดแบนด์ (Fixed Line & Broadband) ธุรกิจโทรคมนาคมสื่อสารไร้สาย (Mobile) และธุรกิจ Digital Infrastructure And Services
ทั้งนี้ หลังการรัฐประหาร พ.ค. 2557 มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือ ซุปเปอร์บอร์ด ให้พิจารณาและจัดทำแผนบริหาร 56 รัฐวิสาหกิจ รวมถึงการกำหนดให้ 7 รัฐวิสาหกิจที่มีผลขาดทุนสะสม ทำแผนฟื้นฟูกิจการ ได้แก่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ เอสเอ็มอี แบงก์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งแผนการควบรวมกิจการ TOT และ CAT เป็นส่วนหนึ่งของแผนลดผลขาดทุนสะสม
อย่างไรก็ตาม กว่า 5 ปีที่ผ่านมา มีเพียง 2 ใน 7 รัฐวิสาหกิจที่เข้าแผนฟื้นฟูกิจการเท่านั้น ที่สามารถฟื้นกิจการและออกจากแผนฟื้นได้ ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ เอสเอ็มอี แบงก์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :