ไม่พบผลการค้นหา
ก.พาณิชย์ เผยผลสำรวจพบคนไทยประหยัดเงินช่วงหยุดยาวด้วยการไม่เดินทางท่องเที่ยว ส่วนที่เดินทางท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินไม่เกิน 5,000 บาท อีกทั้งยังกังวลเรื่องการระบาดของโควิด-19 รอบสอง

พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ในเดือน ก.ย. 2563 สนค. ได้สำรวจพฤติกรรมการเดินทางในช่วงวันหยุดยาว โดยสำรวจผู้บริโภคทั้งประเทศครอบคลุมทุกจังหวัดและอำเภอ (884 อำเภอ/เขต) รวมทั้งสิ้น 8,124 คน พบว่า การเดินทางในช่วงวันหยุดยาว (เดือน ก.ค.-ก.ย. 2563) ประชาชนเดินทาง 27.4% โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว 56.0% และกลับภูมิลำเนา 44.0% โดยมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยว ไม่เกิน 10,000 บาท คิดเป็น 86.1% (ต่ำกว่า 5,000 บาท มากที่สุด 48.4% รองลงมาเป็น 5,000-10,000 บาท คิดเป็น 37.7%) และใช้จ่ายเกิน 10,000 บาท คิดเป็น 13.9%

ส่วนสาเหตุที่ประชาชนไม่เดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาวเนื่องจากต้องการประหยัดเงิน และไม่อยากไปไหน (ชอบพักผ่อนอยู่บ้าน) มีสัดส่วนรวมกัน คิดเป็น 85.2% ( 55.7% และ 29.5% ตามลำดับ) ในขณะที่ไม่ทราบว่าจะไปที่ไหน/ไม่มีข้อมูล คิดเป็น 14.8%

ในวันหยุดยาวเดือน ต.ค. 2563 ที่จะถึงนี้ พบว่า ประชนที่ไม่มีแผนการเดินทางไปต่างจังหวัดคิดเป็น 47.7% รองลงมา คือ ไม่แน่ใจ 40.6% และสุดท้ายคือ มีแผนเดินทางไปต่างจังหวัดเพียง 11.7%

นอกจากนั้น สนค.ยังสำรวจความกังวลของผู้บริโภคในปัจจุบัน พบว่า ประชาชนมีความกังวลในเรื่องของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบ 2 เป็นอันดับแรก คิดเป็น 40.1% รองลงมา คือ ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคเพิ่มสูงขึ้น คิดเป็น 17.2% และลำดับที่ 3 เป็นภาระหนี้สิน คิดเป็น 14.4%

พิมพ์ชนก กล่าวว่า จากผลการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในการเดินทางช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนยังคงมีความระมัดระวังในด้านการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เริ่มมีการระบาดระลอกสอง ส่งผลให้ตลาดการท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อาจจะยังไม่ฟื้นตัวมากนักประกอบกับปัจจุบันคนไทยเริ่มปรับตัวสู่ยุค New Normal ทั้งในเรื่องวิถีการใช้ชีวิตประจำวันและรูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนเดิม ส่งผลกระทบต่อรายได้และต้นทุนของผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยว

ดังนั้นผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจำเป็นต้องปรับรูปแบบการทำตลาดให้เหมาะสมกับการท่องเที่ยวในยุค New Normal และสร้างความมั่นใจต่อประชาชนในมาตรฐานการดูแลรักษาความปลอดภัยและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยใช้จังหวะที่ภาครัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งเสริมให้คนไทยท่องเที่ยวในประเทศให้เป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งธุรกิจโรงแรม ขนส่ง ร้านขายของที่ระลึกและร้านขายอาหาร เป็นต้น 

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคากับผู้บริโภคอย่างไม่เป็นธรรมด้วย ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนกับความเป็นอยู่ของประชาชนทุกกลุ่ม