นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่หว่างประเมินผลมาตรการชิมช้อปใช้ทั้งเฟส 1 และเฟส 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงการท่องเที่ยวในระดับชุมชน เพื่อชดเชยภาคส่งออกที่ชะลอตัวลงเนื่องจากได้รับผลกระทบเศรษฐกิจต่างประเทศ และเบื้องต้นก็จะเตรียมออกมาตรการชิมช้อปใช้ในเฟส 3 ออกมาอีก แต่ขอให้ใจเย็นๆ ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างประเมินรายละเอียด

ด้านนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันนี้ (30 ต.ค.2562) ได้รับรายงานจากธนาคารกรุงไทยว่า ในส่วนของการลงทะเบียนชิมช้อปใช้เฟสที่ 2 มีผู้ลงทะเบียนครบเต็มจำนวนทั้งหมด 3 ล้านคนแล้ว ทำให้รวมทั้งหมดมีผู้ลงทะเบียนร่วมมาตรการชิมช้อปใช้อยู่ที่ 13 ล้านคน โดยรัฐบาลจะเปิดโอกาสให้มีการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันกับร้านค้าที่ร่วมโครงการได้จนถึงสิ้นเดือน ธ.ค. นี้

ทั้งนี้ ในวันที่ 1 พ.ย. 2562 ธนาคารกรุงไทยเตรียมเปิดตัวแคมเปญใหญ่ที่เกี่ยวข้องมาตรการชิมช้อปใช้ โดยจะเป็นการเชิญผู้ประกอบการ โรงแรม และที่พักทั่วประเทศให้มาร่วมเข้ามาตรการดังกล่าวมากขึ้น ส่วนมาตรการชิมช้อปใช้เฟสที่ 3 กระทรวงการคลัง ต้องขอเวลาประเมินผลมาตรการชิมช้อปใช้เฟสที่ 1 กับ 2 ก่อน โดยคาดว่าจะใช้ระยเวลา 1 เดือน ซึ่งต้องรอดูก่อนว่ามาตรการที่ออกไปแล้วจะมีผลอย่างไรบ้าง เพราะกำลังเข้าจะสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว

"คลังขอดูก่อนว่ายังมีความต้องการที่จะได้รับมากน้อยแค่ไหน และก็ต้องดูผลว่าจะต้องมีการปรับปรุงเงื่อนไขอะไรบ้าง เช่น การให้เงินอุดหนุนในกระเป๋าที่ 1 จำนวน 1,000 บาทยังจำเป็นอยู่หรือไม่ รวมถึงการขยายจำนวนผู้รับสิทธิเพิ่มเติมจาก 13 ล้านคน ก่อนที่จะเปิดให้ลงทะเบียนชิมช้อปใช้ในเฟสที่ 3 ได้" นายอุตตม กล่าว

สำหรับมาตรการชิมช้อปใช้เป็นมาตรการที่รัฐบาลตั้งใจทำ แม้ว่าหลายหน่วยงานจะประเมินว่าจะไม่ช่วยผลักดันให้จีดีพีปี 2562 ขยายตัวถึงเป้าหมายที่ร้อยละ 3 แต่นายอุตตม ยืนยันว่า มาตรการนี้มีผลต่อเศรษฐกิจแน่นอน โดยรัฐบาลพร้อมน้อมรับคำติชมของทุกฝ่าย