รายงานระบุว่า คณะกรรมการถาวรของสภาประชาชนแห่งชาติจีนทั้ง 162 คน ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างเป็นเอกฉันท์เมื่อช่วงเช้าวันนี้ และคาดว่าจะถูกบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ซึ่งครบรอบ 23 ปี ที่สหราชอาณาจักรส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนสู่จีน ซึ่งโดยปกติมักมีการประท้วงทางการเมืองขนาดใหญ่ขึ้นในวันดังกล่าว รวมถึงคาดว่าจะบรรจุกฎหมายนี้ลงในกฎหมายพื้นฐาน หรือ Basic Law ซึ่งถือเป็นกฎหมายสูงสุดของฮ่องกง
แม้จีนจะไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการว่า ได้ผ่านกฎหมายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว รวมถึงไม่มีการเผยแพร่เนื้อหาร่างกฎหมายต่อสาธารณชน แต่มีรายงานถึงรายละเอียดบางประการของกฎหมายนี้ที่กำหนดให้การกระทำใดๆ ที่เข้าข่ายการแบ่งแยกดินแดน บ่อนทำลายรัฐบาลกลาง ก่อการร้ายและสมรู้ร่วมคิดกับต่างชาติหรือกองกำลังภายนอกเป็นอาชญากรรม หน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติแห่งใหม่ในฮ่องกงจะมีหน้าที่จัดการกับกรณีความมั่นคงแห่งชาติ แต่ก็ยังมีอำนาจอื่นๆ เช่น การตรวจสอบการศึกษาเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติในโรงเรียนต่างๆ นอกจากนี้ ฮ่องกงยังต้องตั้งคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติเพื่อบังคับใช้กฎหมาย โดยมีที่ปรึกษาที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลจีน โดยผู้บริการสูงสุดของเกาะฮ่องกงจะมีอำนาจในการแต่งตั้งผู้พิพากษาไต่สวนคดีความมั่นคงแห่งชาติ และที่สำคัญคือรัฐบาลจีนจะมีอำนาจในการกำหนดว่ากฎหมายนี้ควรถูกตีความอย่างไร หากกฎหมายนี้ขัดแย้งกับกฎหมายใดๆ ของฮ่องกง ต้องให้ความสำคัญกับกฎหมายจีนก่อน
จีนได้ประกาศจะออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติสำหรับฮ่องกงเมื่อเดือนที่แล้วจนส่งผลให้เกิดการประท้วงในฮ่องกง และเรียกเสียงประณามจากนานาชาติ แต่จีนยืนยันว่ากฎหมายดังกล่าวมีความจำเป็นในการจัดการกับกิจกรรมแบ่งแยกดินแดน บ่อนทำลาย ก่อการร้ายและการสมรู้ร่วมคิดกับต่างชาติ โดยไม่สนใจกับเสียงวิจารณ์ของนานาชาติและชี้ว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีน
ผู้ที่คัดค้านชี้ว่ากฎหมายนี้นี่จะยิ่งเป็นภัยคุกคามต่ออัตลักษณ์ของฮ่องกง รวมถึงจะบ่อนทำลายความเป็นอิสระของศาลฮ่องกง และทำลายเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยหลังจีนผ่านร่างกฎหมายเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็ทำให้มีปฏิกิริยาจาก ‘โจชัว หว่อง’, ‘นาธาน เหลา’ และ ‘แอกเนส เจา’ นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยคนสำคัญของฮ่องกงที่ประกาศลาออกจากพรรคเดโมซิสโต โดยหว่องระบุว่าจะเคลื่อนไหวตามความเชื่อของเขาในนามส่วนตัว พร้อมระบุว่านี่เป็นจุดจบของฮ่องกงที่ทั่วโลกรู้จักก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ เชื่อว่าพรรคเดโมซิสโตถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของกฎหมายความมั่นคงฉบับนี้ ขณะที่หว่องมีบทบาทสำคัญในการล็อบบี้นักการเมืองสหรัฐฯ ให้สนับสนุนการผ่านกฎหมายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว
ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนอย่างแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่ากฎหมายนี้เป็นอาวุธในการปราบปรามที่จะถูกใช้กับผู้วิจารณ์รัฐบาล รวมถึงเป็นภัยคุกคามต่อสิทธิมนุษยนชนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของฮ่องกง ส่วนไต้หวันได้เตือนพลเมืองของตัวเองถึงความเสี่ยงในการเยือนฮ่องกง โดยระบุว่ากฎหมายนี้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเสรีภาพ ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในฮ่องกง อย่างไรก็ตาม ‘แคร์รี หล่ำ’ ผู้บริหารสูงสุดของเกาะฮ่องกงระบุระหว่างการแถลงข่าวประจำวันเมื่อช่วงสายที่ผ่านมาว่ายังไม่เหมาะสมที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว