ไม่พบผลการค้นหา
กรณี “แตก 1 ตระกูล เป็นหลายพรรค-หลายเขตเลือกตั้ง” ที่กำลังปรากฎอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะที่ “สุพรรณบุรี” ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความขัดแย้งของคนการเมืองคือระหว่าง ตระกูล “เที่ยงธรรม Vs. โพธสุธน” แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นผลจากกติกาการเลือกตั้งที่ทำให้ทุกคะแนนเสียงมีความหมาย  คนการเมืองจึงใช้กลยุทธ์นี้เพิ่มราคา-ค่าตัว ทางการเมือง

เมื่อวานนี้ “อนุทิน ชาญวีรกุล” สวมเสื้อแจ็กเกตให้กับ “จองชัย เที่ยงธรรม” อีกหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่แห่งสุพรรณบุรี เคียงไปกับ “บรรหาร ศิลปอาชา” เป็นการสวมเสื้อให้เพื่อต้อนรับสู่พรรคภูมิใจไทย และเป็นอันย้ำว่า จองชัยคือว่าที่ผู้สมัครเขต 3 สุพรรณบุรีเต็มตัว โดยจะลงเลือกตั้ังสู้กับ “ประภัตร โพธสุธน” จากพรรคชาติไทยพัฒนา มิตรเก่าทางการเมือง ที่บัดนี้ความเป็นมิตรเหลือเพียงการรับไหว้ตามปกติ การเจรจา-การพูดคุยใดใด เกิดได้ยากเต็มที 

จองชัย ในวันนี้ มีวัยถึง 75 ปี เป็นทั้งอดีต รมช.แรงงาน อดีตรมช.คมนาคม และเป็นอดีตส.ส.สุพรรณบุรี 9 สมัย จองชัยเล่าเบื่้องหลังว่าเดิมทีตัวเขาเองจะอาศัย “พรรคภูมิใจไทย” เป็น “บ้านชั่วคราว” ทว่าเมื่อสถานการณ์ไม่ดี และได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีจากมิตรเก่าทางการเมือง จึงตัดสินใจยึดเอาพรรคภูมิใจไทยเป็น “บ้านถาวร”

สนามการเลือกตั้งที่ สุพรรณบุรี ในยุคไร้ “คนกลาง-คนมากบารมี” แบบ “บรรหาร” ทำหน้าที่ประนีประนอมผลประโยชน์-อำนาจ-ตำแหน่ง ทำให้การเลือกตั้งรอบนี้ เกิดความร้อนระอุยิ่งในพื่้นที่ 

  • นายจองชัย เที่ยงธรรม ลงชิง ส.ส.เขต 3 สุพรรณบุรี ในนามพรรคภูมิใจไทย ขณะที่ลูกชาย นายเสมอกัน เที่ยงธรรม ลงชิง ส.ส. เขต 4 สุพรรณบุรี ในนามพรรคชาติไทยพัฒนา
  • นายประภัตร โพธสุทน เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา ลงชิง ส.ส. เขต 3 สุพรรณบุรี ในนามพรรคชาติไทยพัฒนา ขณะที่ หลายชาย นายยุทธนา โพธสุทน ลงชิง ส.ส. เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ (ทว่าล่าสุด ยุทธนา ถอยแล้ว ด้วยเหตุผลทางการเมือง แต่ชวนจับตาต่อเพราะของแบบนี้ เคาะกันนาทีสุดท้าย และตัวยุทธนาเอง ก็มีฐานเสียงในพื้นที่ไม่น้อย) 

ชนวนเหตุอยู่ตรงนี้เอง “ประภัตร โพธสุธน” เลขาธิการพรรคชาติไทยวัย 69 ปี  เตรียมให้หลานชายคือ “ยุทธนา โพธสุธน” ที่สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งแว่วว่าเป็นหลานชายที่ ประภัตร เลี้ยงดูเสมือนลูกคนหนึ่ง ลงแข่งขันกับ “เสมอกัน เที่ยงธรรม” อดีตส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งบุตรชายคนโต ของนายจองชัย ในพื้นที่เขต 4 สุพรรณบุรี ซึ่งปัจจุบันมี4 อำเภอ ได้แก่อ.ด่านช้าง อ. เดิมบางนางบวชอ.หนองหญ้าไซ อ.ดอนเจดีย์ (ยกเว้นต.ไร่รถ และต.หนองสาหร่าย) 

เดิมที่ทั้ง 4 เขตในสุพรรณบุรี เขาแบ่งกันชัดเจน 

เขต 1 เป็นพื้นที่ของตระกูลศิลปอาชา

เขต 2 เป็นพื้นที่ของตระประเสริฐสุวรรณ

เขต 3 เป็นพื้นที่ของตระกูลโพธสุธน

เขต 4 เป็นพื้นที่ของตระกูลเที่ยงธรรม

ธรรมเนียม-มารยาท คือแต่ละตระกูลไม่แตะต้อง-ไม่ข้ามเส้นกัน

ชนวนเหตุนี้ ทำให้ จองชัย ไม่พอใจ จนเกิดหนึ่งประโยคดังจากสุพรรณว่า "ถ้าโพธสุธนลง 2 คนเที่ยงธรรมก็จะลง 2 คนเช่นกัน โดยตนจะลงเขต 3 ของนายประภัตร" 

จองชัยอธิบายปรากฎการณ์นี้ว่า “ตนและลูกชายถูกรังแก เราให้เวลาพรรค เคลียร์ เรื่องผู้สมัครเขต 4 มานานจนถึงวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา จนสุดท้ายเขาก็ยังยืนยันเช่นเดิม ซึ่งทางนางกัญจน ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคนายวราวุธ ก็ รู้ปัญหา”

"ผมต้องขอขอบคุณพรรคภูมิใจไทยที่ให้ผมมาอยู่ชั่วคราว จริงๆผมตั้งใจวางมือทางการเมือง แต่เมื่อผู้ใหญในพรรคเป็นเลขามารักแกลูกพรรครังแกเด็กได้ยังไง เมื่อมาทำแบบนี้ผมก็ต้องสู้ ผมเกิดเพราะพรรคชาติไทยเป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี ผมไม่ลืมบุญคุณตรงนี้ แต่ ผมไม่ยอมให้ใครมารังแก และผมจะกลับพรรคชาติไทยพัฒนาอีกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ไม่ใช่คนกลุ่มนี้" 

แม้ในที่สุดแว่วว่า โพธสุธน จะถอนตัวจากการลงเลือกตั้งในเขต 4 ในนามพรรคพลังประชารัฐ แต่ยี่ห้อจองชัย เมื่อตัดสินใจแล้วก็เดินหน้าล้างผลาญเต็มกำลัง

“ส่วนตัวไม่ได้ทะเลาะกับนายประภัตร เพียงแต่ทะเลาะกันทางการเมืองเท่านั้น เขาอายุน้อยกว่าผม เวลาเจอกันก็ยกมือไหว้ผมก่อน” คนวัย 75 กล่าวถึงคนวัย 69

จองชัยยังแสดงความมั่นใจว่า ตระกูลเที่ยงธรรมจะปักธงในพื้นที่ข้ามเขตตระกูลได้สำเร็จ ทั้ง 2 พื้นที่ “ตนไม่เคยแพ้ เพราะงานนี้ไม่เหมือนฟุตบอลหรือมวยที่ยังมีเสมอ แต่คราวนี้ไม่มีเสมอ ต้องมีคนเสียประวัติสักคน ตนใส่เต็ม ถ้าแพ้ ตนคงไม่ลงเพราะทำให้เสียชื่อพรรคภูมิใจไทยด้วย ที่สำคัญงานนี้ตนอายุมากแล้ว 70 แล้ว เปรียบก็เหมือนรถบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 7 แล้วมาแข่งกันเองของคนบ้านเดียวกันและอดีตพรรคเดียวกัน ซึ่งตนมั่นใจว่าจะชนะแน่นอน” 

คนการเมืองให้สัมภาษณ์สื่อถึงความขัดแย้งระหว่างตระกูลที่กระทำต่อกัน แต่ปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การแตก 1 ตระกูลเป็นหลายพรรค-หลายเขตเลือกตั้ง แท้จริงแล้วเป็นผลจากกติกาการเลือกตั้ง และผลประโยชน์มหาศาลในนาม ราคา-ค่าตัว ของการลงเลือกตั้ง 

กติกาการเลือกตั้งใหญ่ปี 2562 นับทุกคะแนนเสียงกติกานี้ทำให้นักการเมืองตาลุกวาว เพราะการแตก 1 ตระกูลเป็นหลายพรรค-หลายเขต สร้างปัจจัยบวกมากมาย

เมื่อทุกคะแนนเสียงมีความหมาย-ไม่มีคะแนนเสียงใดไม่ถูกนับหรือตกน้ำ ยิ่งว่าที่ผู้สมัครหาจำนวนตัวเลขคะแนนเสียงที่อาจจะได้หรือเป็นสถิติที่เคยทำได้ในการเลือกตั้งรอบก่อน มาบอกกล่าวต่อผู้ใหญ่ของพรรคการเมือง ยิ่งจะได้ผลประโยชน์หลากหลายประเภทแลกเปลี่ยนกันไป แม้อาจไม่ชนะระดับเขตเลือกตั้ง แต่มีคะแนนเสียงจำนวนไม่น้อยส่งกลับไปให้พรรค เพื่อดันบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ แบบนี้พรรคไหนจะไม่รับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. คนนั้นไว้

หาก 1 ตระกูล แตกเป็นหลายพรรค แบบชนิดคนละขั้วได้นั้นยิ่งดี เพราะช่วยค้ำประกัน ไม่ว่าฝ่ายไหนขึ้นมามีอำนาจ ตระกูลการเมืองนั้นจะอยู่รอดเสมอ ทั้งตำแหน่ง-ผลประโยชน์

พรรคขนาดกลาง แบบพรรคภูมิใจไทย มีภาษีดีกว่าเพื่อนในกติกาการเลือกตั้งแบบนี้ เพราะฐานเสียงกราวเกมส์ในอีสาน เป็นอันดับสอง-อันดับสามในหลายเขตเลือกตั้ง-ในการเลือกตั้งรอบที่แล้ว ขณะเดียวกันก็เปิดประตูต้อนรับ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่มีคะแนนเสียงในพื้นที่ต่างๆมายันกัน ใครหนาแน่นกว่าก็มีสิทธิ์ได้ลงเป็นตัวจริง 

เหมือนที่ “เสี่ยหนู” ลั่นกลางบุรีรัมย์วันก่อน ว่าผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 350 เขตของพรรค มีคะแนนรับประกันแล้วอย่างต่ำ เขตละ 2 หมื่นคะแนน เท่ากับมี 7 ล้านเสียงในกระเป๋า แปรเป็น จำนวน ส.ส.ได้ชนิดไม่น้อยเลย เมื่อบวกรวมกับ ส.ส.เขต ยิ่งทำให้ภูมิใจไทย จะผงาดในฐานะตัวแปรสำคัญของการจัดตั้งรัฐบาล 

เสาร์ 26 มกราคม 2561 ก่อน จองชัย ก้าวสู่ภูมิใจไทยเต็มตัว “เดอะท็อป-วราวุธ ศิลปอาชา” ผู้เป็นเสมือนหัวใจของชาติไทยพัฒนา และตัวแทนของพ่อบรรหารผู้ล่วงลับ ได้นำพวงมาลัยไปไหว้จองชัย และรับปากว่า “จะดูแลนายเสมอกัน ผู้เป็นลูกชายของจองชัยเป็นอย่างดี” ตัวจองชัย ยังเปิดเผยอีกว่า ตัวเขายังไม่ได้จุดธูปบอกลา “นายบรรหาร” แต่อำลา “คุณหญิงแจ่มใส” เรียบร้อยแล้ว 

โครงเรื่องแบบนี้ ก็เท่ากับว่า รอยแผลไม่ใช่รอยร้าว และผลประโยชน์ยังคงผูกสัมพันธ์-ผูกมิตรการเมืองไว้อยู่ร่วมกันเสมอ 

แต่ระวังไว้ให้ดี ในท่ามกลางการปะทะของ 2 ตระกูลการเมือง สถิติการเลือกตั้งครั้งก่อนหลอกหลอน ตระกูลเที่ยงธรรมอยู่ไม่น้อย 

เมื่อ “สหรัฐ กุลศรี” จากพรรคเพื่อไทย ค่อยๆ ทำพื้นที่อย่างจริงจัง-หนักแน่น ตั้งแต่กลางทศวรรษ 2540 ในเขต 4 สุพรรณบุรี สามครั้งแรกของการเลือกตั้ง เขาแพ้รวด แต่ชัยชนะในครั้งสุดท้าย เป็นไปได้ว่าจะอยู่นาน 

พ.ศ. 2544 สหรัฐ ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับ 7364 คะแนน พ่ายนายจองชัย เที่ยงธรรม (43484 คะแนน)

พ.ศ. 2548 สหรัฐ ลงสมัครในนามพรรคไทยรักไทย ได้รับ 29927 คะแนน พ่ายนายเสมอกัน เที่ยงธรรม (42795 คะแนน)

พ.ศ. 2550 สหรัฐ ลงสมัครในนามพรรคพลังประชาชน ได้รับ 48559 คะแนน มาเป็นอันดับที่ 3 เป็นรองนายเสมอกัน เที่ยงธรรม (108905 คะแนน) และนายยุทธนา โพธสุธน

พ.ศ. 2554 สหรัฐ ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ได้รับ 46940 คะแนน ชนะนางมุกดา เที่ยงธรรม (36351 คะแนน)

ทว่า ฝ่ายตระกูลเที่ยงธรรม แก้ตัวด้วยโครงเรื่องว่า ครั้งที่แล้ว “เสมอกัน” ไม่ได้ลงเลือกตั้งด้วยตัวเอง แต่ให้ “มุกดา” ซึ่งเป็น “แม่” และ “เมีย” ของจองชัย ลงเลือกตั้ง เมื่อตัวสำรองลง แต่ตัวจริงไม่ได้ลง เกมส์การเมืองเลยให้ผลลัพธ์ไม่เหมือนคาด ประกอบกับช่วงปี 2554 กระแสแดงฟีเวอร์ทุกพื้นที่ แต่ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง “เสมอกัน” จะลงเอง จึงมั่นใจว่าตระกูลเที่ยงธรรมจะกลับมาผงาดอีกครั้งได้สำเร็จ-สำเร็จมากกว่า 1 เขต!! 

ถึงที่สุดอยู่ที่กราวเกมส์-อยู่ที่ประชาชน เพราะ 2 ตระกูลทำพื้นที่น้อยในการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้า จนมีประวัติการเลือกตั้งไม่ค่อยดี ชัยชนะจึงอาจไม่ได้อยู่ที่ “เที่ยงธรรม” หรือ “โพธสุธน” แต่เป็น “กุลศรี” 

ทว่าในเกมส์การเลือกตั้ง 2562 ทุกฝ่าย Win-Win เพราะทุกคะแนนเสียงมีความหมาย ถึง 2 ตระกูล อาจชนะเขตบ้าง-แพ้เขตบ้าง แต่จะมีคะแนนไหลเข้าพรรคที่สังกัดในระดับหลักหลายหมื่น เกมส์การต่อรองอำนาจภายใต้กติกาการเลือกตั้งแบบใหม่ จึงลากยาวไปไกลชนิดเกินจินตนาการ!!