วันที่ 23 ก.พ. ที่ศูนย์เรียนรู้กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จัดโครงการ "สลาก กอช. สัญจรทั่วไทย” ซึ่งได้รับเกียรติจาก ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธี โดยมี นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวให้การต้อนรับ
โดย ดร.เผ่าภูมิ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ปัญหาแก่ไปไร้เงินออม ยังคงเป็นวิกฤตเงียบของสังคมไทย สาเหตุหลักมาจากรายได้ต่ำ ทำให้การออมเงิน เป็นเรื่องรอง และขาดการเข้าถึงช่องทางการออมเงิน หรือขาดแรงจูงใจในการออม นอกจากนั้นยังขาดทักษะความรู้ทางการเงิน ส่งผลให้หลายคนต้องพึ่งพาลูกหลาน รัฐสวัสดิการ หรือกู้ยืมหนี้ยืมสินตามมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในวัยเกษียณ เพราะการออมถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคง ทั้งในระดับบุคคลและระดับประเทศ หากคนไทยมีเงินออมที่เพียงพอ ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน และช่วยลดภาระของรัฐในอนาคต ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นการออมของคนไทย รัฐบาลจึงได้ดำเนินโครงการ สลากออมทรัพย์เพื่อการดำรงชีพในยามชราภาพ หรือสลาก กอช.
ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา คณะกรรมการกฤฎีกาได้ปรับแก้ ร่าง พ.ร.บ. กอช. เสร็จสิ้นแล้ว สำหรับ สลาก กอช. จำหน่ายผ่านแอปพลิเคชัน กอช. ในรูปแบบสลากขูดดิจิทัล ใบละ 50 บาท ซื้อได้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน และออกรางวัลทุกวันศุกร์ เวลา 17.00 น. แบ่งเป็นรางวัลที่ 1 มูลค่า 1,000,000 บาท จำนวน 5 รางวัล รางวัลที่สอง มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 10,000รางวัล หากถูกรางวัลรับเงินได้ทันที ทั้งนี้ ไม่ว่าท่านจะถูกรางวัลหรือไม่ถูกรางวัล เงินทุกบาทจากการซื้อสลากจะถูกเก็บไว้ในบัญชีเงินออมของแต่ละบุคคล และยังได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน
ส่วนผู้ที่ซื้อสลาก กอช. จะได้รับเงินที่ออมรวมผลประโยชน์คืนเมื่อไรนั้น ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่า
1.เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ 2.กรณีอายุเกิน 60 ปี ครบกำหนดเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ซื้อสลาก กอช. ในครั้งนั้น 3.ทุพพลภาพ 4.เสียสัญชาติไทย แต่หากเสียชีวิต เงินทั้งหมดจะตกเป็นของผู้รับผลประโยชน์ต่อไป อย่างไรก็ตาม เตรียมส่งร่าง พ.ร.บ. กอช. เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อไป
“สลาก กอช. ถูกออกแบบมา โดยการนำเอาจริตของคนไทยที่ชื่นชอบการลุ้นโชค เสี่ยงดวง มาปรับใช้ ซึ่งผลสำรวจจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี พบว่า คนไทยกว่า 9 ล้านคนมีพฤติกรรมเสพติดหวย มีมูลค่าการซื้อลอตเตอรี่และหวยรวมกันกว่า 250,000 ล้านบาทต่อปี เม็ดเงินจำนวนนี้หากถูกนำมาใช้ในรูปแบบของการออม จะสร้างหลักประกันที่มั่นคง รองรับชีวิตในยามชราภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ สลาก กอช. ไม่ใช่แค่การลุ้นโชค แต่เป็นเครื่องมือสร้างวินัยการออมที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทย โดยเปลี่ยนเงินที่เคยใช้เสี่ยงโชคให้กลายเป็นเงินออมในระยะยาว” ดร.เผ่าภูมิ กล่าว
ด้านนางสาวจารุลักษณ์ กล่าวว่า กอช. เป็นกองทุนภาคสมัครใจ ที่รัฐจัดให้กับแรงงานนอกระบบ เพื่อให้มีระบบการออม ที่ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ชาวไร่ ชาวนา รวมถึงแรงงานนอกระบบ ที่มีอายุตั้งแต่ 15 - 60 ปี และไม่มีสวัสดิการอื่นใดรองรับ ให้ได้มีบำนาญไว้ใช้เมื่ออายุ ครบ 60 ปี สามารถสมัครเป็นสมาชิก กอช. และเริ่มต้นออมเงินขั้นต่ำ เพียง 50 บาทต่อครั้ง ออมรวมสูงสุด 30,000 บาทต่อปี และรัฐสมทบสูงสุด 100% แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี จึงขอเชิญชวนให้คนไทยทุกคนที่มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิก กับ กอช. ไม่พลาดสิทธิที่จะได้รับเงินสมทบจากรัฐ ผ่านการออมเงินของท่าน เพราะการเริ่มต้นออมตั้งแต่วันนี้ จะเป็นก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีในภายภาคหน้า ซึ่งปัจจุบัน กอช. มีสมาชิกแล้วทั้งสิ้น 2,722,286 ล้านคน กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น 14,567.07 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ม.ค. 68)
ภายในงานได้มีการจัดเสวนา หัวข้อ “สลาก กอช. นวัตกรรมใหม่การออม” โดย ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ นายทวีป วุฒิบาทุกาจิตต์ รองผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และ นางนวพร วิริยานุพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านดุลยภาพการออมและการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนผ่านเวทีเสวนา
จากนั้น ดร.เผ่าภูมิ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้เยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก และเกษตรกรแปลงใหญ่บ้านโนนกอก ของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผักเกษตรอินทรีย์ ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี