สื่อญี่ปุ่นรายงาน 7 เม.ย. นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินภายในประเทศ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วโดยเฉพาะในเขตเมืองอย่างกรุงโตเกียวและเมืองโอซากะ โดยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนี้จะครอบคลุม 7 จังหวัด ได้แก่ คานางาวะ ไซตามะ ชิบะ เฮียวโงะ ฟุกุโอกะ รวมถึงโอซากาและกรุงโตเกียว ซึ่งจะให้อำนาจผู้ว่าการจังหวัดเหล่านี้สามารถขอประชาชนให้อยู่แต่ในบ้านและขอให้มีการปิดธุรกิจซึ่งเป็นที่รวมตัวของคนจำนวนมาก รวมถึงนำที่ดินและอาคารต่างๆ ไปใช้เพื่อกิจกรรมด้านการแพทย์ โดยนายอาเบะระบุว่าจะประกาศภาวะฉุกเฉินประมาณ 1 เดือน ซึ่งทางการจะขอความร่วมมือมากขึ้นจากชาวญี่ปุ่นให้ลดการสัมผัสระหว่างบุคคลซึ่งเป็นสาเหตุนำไปสู่การติดเชื้อ
อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ไม่ได้ให้อำนาจทางกฎหมายในการบังคับประชาชนให้อยู่ในบ้านหรือลงโทษประชาชนที่ไม่ทำตาม ถือว่าค่อนข้างเข้มงวดน้อยกว่ามาตรการล็อกดาวน์ที่ใช้ในหลายพื้นที่ของยุโรปซึ่งมีการส่งตำรวจลาดตระเวนตามท้องถนนและลงโทษปรับผู้ฝ่าฝืนกฎ โดยนายอาเบะระบุว่าสำหรับญี่ปุ่นแม้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินก็จะไม่มีการปิดเมืองแบบที่เห็นในต่างประเทศ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญได้บอกกับรัฐบาลว่าไม่จำเป็นต้องดำเนินมาตรการดังกล่าว
ทั้งนี้ภาวะฉุกเฉินของญี่ปุ่นจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.ถึงวันที่ 6 พ.ค. ในช่วงสิ้นสุดสัปดาห์โกลเด้นวีค
การประกาศภาวะฉุกเฉินของรัฐบาลญี่ปุ่นเกิดขึ้นหลังมีเสียงเรียกร้องจากผู้เชี่ยวชาญและผู้นำท้องถิ่นได้เรียกเรียกร้องให้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ทีบีเอสรายงานผลสำรวจเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งชี้ว่าประชาชนร้อยละ 80 สนับสนุนการประกาศภาวะฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ก็มีความกังวลถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจซึ่งผู้นำญี่ปุ่นระบุว่ารัฐบาลกำลังจัดเตรียมแผนกระตุ้นมูลค่า 990,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นราวๆ ร้อยละ 20 ของจีดีพี สำหรับรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
รัฐบาลเยอรมนีและสหรัฐฯ วิจารณ์ว่าญี่ปุ่นล้มเหลวในการบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและการตรวจหาเชื้อไวรัสเป็นวงกว้าง ขณะที่แพทย์ในญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งบอกว่า มาตรการนี้สายเกินไป การระบาดในกรุงโตเกียวนั้นได้เลยจุดที่จะสามาาถควบคุมได้ง่ายไปแล้ว ทั้งนี้ ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 3,650 ราย และมีการยืนยันผู้เสียชีวิตแล้ว 85 ราย
อ้างอิง CNA / BBC / The Japan Times