พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงการปรับมาตรการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อ 29 เม.ย. หลังมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีประกาศต่อระยะเวลาประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ไปอีก 1 เดือน โดยระบุว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ประชุมหารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร และได้รับมอบหมายให้ตำรวจตั้งชุดตรวจร่วมกับฝ่ายทหาร และเจ้าหน้าที่ กทม. โดยเห็นควรยกเลิกการตั้งด่านคัดกรองโรคตามรอยต่อกรุงเทพมหานคร-ปริมณฑล 7 ด่าน เพื่อนำกำลังไปเพิ่มจำนวนด่านเคอร์ฟิวในที่ชุมชนกับชุดสายตรวจที่จะต้องมีจำนวนมากขึ้น
ทั้งนี้เพื่อตรวจสอบผู้ที่กักกันโรคอยู่บ้าน, ตรวจสอบสถานที่ที่ไม่ได้รับการผ่อนผัน ไม่ให้มีการลักลอบเปิด, เฝ้าระวังการมั่วสุม ปาร์ตี้ หรือลักลอบเล่นการพนัน, ส่วนสถานที่ที่ได้รับการผ่อนผันให้เปิดได้ จะต้องเข้าไปตรวจสอบว่า ปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดอย่างเคร่งครัดหรือไม่ หากไม่ปฏิบัติตาม ตำรวจจะสามารถจับกุมได้ทันทีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และตามคำสั่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ตำรวจนครบาลมีส่วนร่วมกับกรุงเทพมหานครในการจัดระเบียบผู้มารับสิ่งของบริจาค เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาด ซึ่งถือเป็นภารกิจใหม่
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ภัคพงษ์ ยังยืนยันว่า ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ผ่านมา สถิติการก่ออาชญากรรมและประสงค์ต่อทรัพย์ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่กลับลดน้อยลง เพราะมีด่านเคอร์ฟิวและชุดสายตรวจออกตรวจตราอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะในช่วงเวลาประกาศเคอร์ฟิว ซึ่งนอกจากจะต้องตรวจตราตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน แล้วหน้าที่ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมก็ยังคงปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง