ไม่พบผลการค้นหา
"คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ" นำทีมลงพื้นที่เศรษฐกิจใจกลางกรุงเทพฯ รับสมัครสมาชิกพรรคและฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ให้การต้อนรับ พร้อมสะท้อนภาพปัญหาทางเศรษฐกิจ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายโภคิน พลกุล, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง, นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคนพร้อมคณะทำงาน ลงพื้นที่พบปะประชาชน ที่ศูนย์การค้าแพลตตินัม ย่านประตูน้ำ โดยมีประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียงมารอสมัครสมาชิกจำนวนมาก

คุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ว่า พบสภาพปัญหาเเบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เศรษฐกิจตกต่ำ การค้าขายซบเซา เผชิญปัญหาทั้งผู้ค้าส่งและค้าปลีก ยอดขายตกลงกว่า 80-90% โดยเห็นว่าเป็นเพราะประชาชนระดับรากหญ้าไม่มีกำลังซื้อ แม้ภาครัฐพยายามทุ่มงบประมาณลงไป แต่เป็นลักษณะการแจกเงินไม่สามารถกระตุ้นให้มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้นได้ โดยสิ่งที่ควรทำคือเพิ่มกำลังซื้อในระดับรากหญ้าเพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจโดยรวม 

ส่วนที่ 2 คือ ปัญหาจากกฎหมายที่ไม่เอื้ออำนวยและเป็นอุปสรรคต่อการค้าขาย โดยคณะทำงานมีนายกิตติรัตน์ ดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนด้านกฎหมาย จะมีนายโภคินและนายพงศ์เทพ เป็นแกนหลักในคณะทำงานของพรรค 

อย่างไรก็ตาม การที่ผู้มีอำนาจยังไม่ปลดล็อกทางการเมือง ทำให้ประชาชนเสียโอกาสที่จะได้ร่วมสะท้อนปัญหาและกำหนดนโยบายร่วมกับพรรคการเมือง ซึ่งพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญของการปลดล็อกในแง่นี้และไม่ได้กลัวว่าจะหาเสียงไม่ทันแต่อย่างใด ส่วนการย้ายพรรคของอดีต ส.ส.เพื่อไทยนั้น ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง 

G83A3708.JPG

ด้านนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ล้มเหลว ที่บอกว่าคนจนจะหมดไปถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง แม้ว่าทุกรัฐบาลอยากให้ประชาชนกินดีอยู่ดี แต่สิ่งสำคัญคือ รู้วิธีการและทำแล้วได้ผลหรือไม่ และนอกเหนือจากการเติบโตเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว การกระจายรายได้เป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่ใช่เพียงการแจกเงินเท่านั้น โดยจากนี้นักการเมืองที่มาจากระบอบประชาธิปไตย มีหน้าที่ต้องคิดและช่วยเหลือประชาชนให้กินอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ขณะที่นายโภคิน กล่าวว่า การที่บ้านเมืองไม่มีประชาธิปไตย ทำให้ประชาชนไม่อาจสะท้อนปัญหาของตัวเองได้อย่างเต็มที่ และการเป็นรัฐราชการ ทำให้ภาคธุรกิจโดยเฉพาะขนาดเล็กและขนาดกลางมีข้อจำกัด การดำเนินการต่างๆยุ่งยากและสลับซับซ้อน โดยยกตัวอย่างการจดทะเบียนแรงงานข้ามชาติ หรือ ต่างด้าว ที่มาตรการกฎหมายปัจจุบันเป็นอุปสรรคต่อผู้ค้า หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็มีโทษ โดยเห็นว่า ต้องแก้ไขระบบกฎหมายและการอนุมัติหรือการขออนุญาตที่เกินความจำเป็นเพื่อลดภาระผู้ประกอบการ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 

นายโภคิน ย้ำว่า การแก้ปัญหาให้ประชาชน ต้องใช้ระบอบประชาธิปไตย โดยเชื่อว่าหากมีการเลื่อนการเลือกตั้ง ซึ่งประชาชนรอคอยมากว่า 7 ปี หรือมีการกลั่นแกล้งนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ประชาชนชื่นชอบ จะยิ่งซ้ำเติมปัญหาที่เผชิญอยู่ ฉะนั้นก่อนถึงวันที่ 24 ก.พ.ผู้มีอำนาจควรดำเนินการทุกอย่างด้วยความเป็นธรรม