การตกต่ำของสินทรัพย์ทั่วตลาดเงินและตลาดทุนยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าธนาคารกลางของหลายประเทศจะพยายามออกมาตรการมาช่วยเหลือเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเรียกความมั่นใจกลับมาได้ มีเพียงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และยูโรเท่านั้นที่ไม่ปรับตัวลดลง ขณะที่สกุลเงินปอนด์สเตอร์ลิงลดลงเกือบถึงจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2528 และสกุลเงินเยนตกลงราวร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา ดัชนีอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ตกลงกว่า 1,338.46 จุด มาอยู่ที่ 19,898.92 จุด หรือคิดเป็นการลดลงถึงร้อยละ 6.3 นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี ที่ดัชนีอุตสาหกรรมฯ ตกลงมาต่ำกว่า 20,000 จุด
'เดเนียล คัทเบิร์ตสัน' ผู้อำนวยการจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ในซิดนีย์ ชี้ว่า หากรัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ "ผมคิดว่า ณ จุดนี้ ตลาดคงไม่อยู่ในสถานการณ์ที่ลงทุนได้"
ในฝั่งตลาดตราสารหนี้ ผลจากการที่นักลงทุนพากันเทขายทรัพย์สินที่ถือแทบทั้งหมด ทำให้พันธบัตรลงทุนเกรดปลอดภัย อาทิ พันธบัตรรัฐบาลมีมูลค่าตกลง นอกจากนี้ โดยปกติเมื่อนักลงทุนวิ่งหนีสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ก็มักจะวิ่งเข้าหาทอง แต่ครั้งนี้ แม้แต่ราคาทองเองก็ลงเช่นเดียวกัน
'ร็อบ อาร์น็อต' ผู้ก่อตั้งบริษัทวิจัยเพื่อการลงทุนชี้ว่า "ถ้าแม้แต่เงินและทองยังแย่ นั่นคือสัญญาณถึงความตื่นตระหนกที่นำไปสู่การวิ่งหากระแสเงินสด" และในทำนองเดียวกันหากไม่สามารถหากระดาษชำระได้ในสหรัฐฯ ก็มีค่าเท่ากัน
สาเหตุหลักที่ทำให้ทุกคนวิ่งเข้าหาเงินสดเป็นเพราะ เมื่อกิจกรรมและองค์กรทางเศรษฐกิจต่างๆ หยุดลง ทำให้ประชาชนต้องพึ่งเงินสดเป็นหลักในการชำระค่าใช้จ่ายคงที่เช่น ค่าเช่าบ้าน และการชำระหนี้ต่างๆ
'จอห์น บริจจ์' หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ จาก แน็ตเวสต์ มาร์เก็ต อธิบายเพิ่มว่า "หากเรามองมาจากมุมมองของบริษัทขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ และผู้จัดการการลงทุน ตอนนี้สภาพคล่องและเงินสดกำลังจะกลายเป็นพระเจ้า"